ฟ้องแล้ว!'พล.ท.มนัส'ค้ามนุษย์
อัยการฟ้องแล้ว 'พล.ท.มนัส - ตำรวจ - พลเรือน' ชุดแรก 72 ราย ผิด พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ - อาชญากรรมข้ามชาติ 16 ข้อหา ค้านประกัน คดีโทษสูง กลัวหนี
24 ก.ค. 58 เมื่อเวลา 11.00 น. นายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วยนางทรงรัตน์ เย็นอุระ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอัยการสูงสุด และนายอรุณ กมลกิจไพศาล อัยการพิเศษฝ่ายคดีอัยการสูงสุด 2 ร่วมกันแถลงข่าว ผลการสั่งคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา
นายวันชัย กล่าวว่า วันนี้ (24 ก.ค.) พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดนาทวี จ.สงขลา ได้ยื่นฟ้องนายบรรจง หรือ จง ปองพล และ พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก กับพวก ซึ่งเป็นตำรวจและพลเรือน รวม 72 ราย เป็นจำเลยชุดแรก ต่อศาลจังหวัดนาทวี ในความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และความผิดอื่น รวม 16 ข้อหา เป็นคดีหมายเลขดำ อ.2741/2558 แล้ว ซึ่งอัยการได้คัดค้านการประกันตัวด้วย เนื่องจากเป็นคดีที่ร้ายแรงและมีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต ภายหลังจากเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา 104 ราย ในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ฯ มาตรา 4 , 6 , 7 , 9 , 10 , 11 , 52 , 53/1 ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 มาตรา 3 , 5 , 6 , 10 , 25 ร่วมกันหรือนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หรือช่วยเหลือบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 63 , 64 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหาย ตามประมลกฎหมายอาญา มาตรา 157 รวมทั้งสิ้น 16 ข้อหา ตามสำนวนที่พนักงานสอบสวน สภ.ปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา ได้รวบรวมพยานหลักฐานพร้อมความเห็นกล่าวหา นายบรรจง หรือ จง ปองพล กับพวก รวม 120 คน ประกอบด้วย บุคคลสัญชาติไทย 107 คน ซึ่งเป็นพลเรือน 92 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 คน (ชั้นสัญญาบัตร 3 คน และชั้นประทวน 1 คน) ทหาร 1 คน ข้าราชการพลเรือน 1 คน กลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน 2 คน ผู้บริหารท้องถิ่น 3 คน และสมาชิกท้องถิ่น 4 คน บุคคลสัญชาติเมียนมาร์ 9 คน และบุคคลสัญชาติบังคลาเทศ 4 คน สรุปสำนวนส่งให้อัยการสูงสุด
นายวันชัย โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวอีกว่า ผลการสั่งคดี นายตระกูล อัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสิ้น 104 ราย จากทั้งหมด 120 ราย โดยยังสั่งยุติการดำเนินคดีผู้ต้องหา 1 รายที่ได้ถึงแก่ความตายแล้ว โดยผู้ต้องหา 104 ราย ที่สั่งฟ้องนั้น ยังจับตัวไม่ได้ 32 ราย ซึ่งประกอบด้วยเป็นบุคคลสัญชาติไทย 24 คน บุคคลสัญชาติเมียนมาร์ 5 คน และบุคคลสัญชาติบังคลาเทศ 3 คน อัยการสูงสุด จึงมีคำสั่งให้แจ้งนายอำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา ติดตามตัวผู้ต้องหากลุ่มนี้มายื่นฟ้องตามข้อกล่าวหาที่อัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องภายในอายุความ 20 ปี หากมีผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศ ก็ให้สำนักงานอัยการสูงสุดประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อดำเนินการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน ตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 ต่อไป
นอกจากนี้ในผู้ต้องหา 120 ราย ตามสำนวนการสอบสวนดังกล่าว ยังมีผู้ต้องหาอีก 15 ราย ซึ่งยังจับกุมตัวไม่ได้เช่นกัน อัยการสูงสุด ก็ให้พนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนต่อไป เพื่อให้ได้ความชัดเจนว่ามีส่วนร่วมในการกระทำความผิดกับผู้ต้องหาอื่นอย่างไร โดยพฤติการณ์คดีนี้ น่าเชื่อว่ายังมีผู้ร่วมกระทำความผิดอีกเป็นจำนวนมาก และเพื่อให้การสอบสวนขยายผลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นายตระกูล อัยการสูงสุด จึงได้มีคำสั่งให้มีพนักงานอัยการสำนักงานอัยการจังหวัดนาทวี และพนักงานอัยการสำนักงานอัยการภาค 9 ร่วมกันดำเนินคดีต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
"เรื่องนี้ อัยการสูงสุด ให้ความสำคัญ เพราะเป็นคดีที่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และข้อเท็จจริงเกี่ยวพันหลายพื้นที่ และผู้ต้องหาหลายคนเป็นข้าราชการระดับสูง มีอิทธิพล จึงต้องใช้ความละเอียดรอบครอบ ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา และขณะนี้พยานทุกคนก็ได้รับการคุ้มครองอยู่แล้ว"
เมื่อถามว่า หากการสอบสวนพบว่าเจ้าหน้าที่รัฐของต่างประเทศ เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย จะถือว่าอยู่นอกเขตอำนาจของอัยการสูงสุดหรือไม่ นางทรงรัตน์ เย็นอุระ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอัยการสูงสุด กล่าวว่า คดีนี้ อัยการสูงสุด ต้องการขยายผลถึงตัวผู้กระทำความผิดไปให้มากที่สุด หากพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องรายอื่นอีกก็สามารถดำเนินการได้
เมื่อถามว่า จะมีปัญหาในการสืบพยานหรือไม่ เนื่องจากพยานบางคนอยู่นอกราชอาณาจักร นายอรุณ กมลกิจไพศาล อัยการพิเศษฝ่ายคดีอัยการสูงสุด 2 กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะสามารถใช้วิธีสืบพยานล่วงหน้าหรือสืบพยานผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ได้ ซึ่งเราได้มีการสืบพยานล่วงหน้าไปแล้ว 1 ปาก โดยมีทนายความผู้ต้องหา ร่วมซักค้านตามกระบวนด้วย
โฆษกสหรัฐฯยินดีพร้อมนำไปประกอบการจัดอันดับ
ที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย น.ส.เมลิสซ่า สวีนีย์ โฆษกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย กล่าวว่า สหรัฐฯมีความยินดีต่อการตัดสินดังกล่าว และขอเรียกร้องให้ทุกประเทศ สืบสวนคดีที่มีความเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยบุคคล หรือเป็นขบวนการก็ตาม
โฆษกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์อย่างยั่งยืนนั้น ต้องมีความพยายามและความมุ่งมั่นในระยะยาว สหรัฐฯ จึงขอเรียกร้องให้ไทยมีมาตรการที่เข้มงวดต่อไปในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ รวมถึงความพยายามลงโทษผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมและดำเนินคดี โดยการดำเนินการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังวันที่ 1 เมษายน 2558 เป็นต้นมานี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐจะได้นำไปประกอบการประเมินการจัดอันดับรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ในปีหน้าต่อไป
ที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย น.ส.เมลิสซ่า สวีนีย์ โฆษกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย กล่าวว่า สหรัฐฯมีความยินดีต่อการตัดสินดังกล่าว และขอเรียกร้องให้ทุกประเทศ สืบสวนคดีที่มีความเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยบุคคล หรือเป็นขบวนการก็ตาม
โฆษกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์อย่างยั่งยืนนั้น ต้องมีความพยายามและความมุ่งมั่นในระยะยาว สหรัฐฯ จึงขอเรียกร้องให้ไทยมีมาตรการที่เข้มงวดต่อไปในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ รวมถึงความพยายามลงโทษผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมและดำเนินคดี โดยการดำเนินการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังวันที่ 1 เมษายน 2558 เป็นต้นมานี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐจะได้นำไปประกอบการประเมินการจัดอันดับรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ในปีหน้าต่อไป