ตลาดรถกลุ่ม suv หรือ ppv เมืองไทยกำลังระอุ เมื่อโตโยต้าเปิดตัวฟอร์จูนเนอร์ใหม่ มิตซูบิชิส่งปาเจโร่ใหม่ ร่วมลุย ส่วนฟอร์ดก็ส่งเอเวอเรสต์เข้าประชันโฉม หากจะดูถึงภายนอกรูปลักษณ์ ความสวยงาม แต่ละค่ายต่างมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ใครชอบความโค้ง มน ใหญ่ ยาว ค่ายไหนต้องไปลองขับกันดู

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ โฉมใหม่ ถูกวางตำแหน่งให้เป็นเรือธง ซึ่งคาดหวังไว้มาก และฟอร์ดเอเวอเรสต์ก็เป็นรถที่แพงที่สุดของค่ายฟอร์ด ด้วยความคาดหวังให้เป็นที่หนึ่งในทุกๆ ด้าน จึงมีสโลแกนว่า Engineered for Extraodinary ล่าสุดค่ายฟอร์ดได้จัดการทดลองขับแบบอาเซียน ในการทดสอบครั้งนี้มีผู้สื่อข่าวจากประเทศไทยและต่างชาติเข้าร่วมทดสอบ โดยเส้นทางการขับขี่มีทั้งทางเรียบในเมือง ขับลุยบนเส้นทางออฟโรดเล็กๆ ที่เป็นโคลนดิน แอ่งน้ำ ขึ้นและลงเขา การทดสอบครั้งนี้ดูเหมือนทีมงานฟอร์ดจะทำให้ผู้ร่วมทริปรู้สึกว่าเป็นแบบ first impression ทำให้รู้สึกถึงสัมผัสแรก และทำให้ผู้ร่วมทริปนี้ได้รับความประทับใจในเอเวอเรสต์ใหม่ ซึ่งผู้สื่อข่าวหลายๆ ท่านบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สวย ใหญ่ และดึงดูดสายตา ซึ่งให้ความประทับใจในสัมผัสแรกเจอกับเอเวอเรสต์จริงๆ

ภายนอกดูแข็งแกร่ง บึกบึน สวยงาม สะดุดตา เก็บรายละเอียดต่างๆ ได้ดี ภายในห้องโดยสารรู้สึกถึงความเหนือระดับ ทั้งการตกแต่ง การเลือกใช้วัสดุคุณภาพดี พร้อมการจัดวางปุ่มต่างๆ ได้อย่างลงตัว ในรุ่นท็อป ไททาเนียม พลัส มีหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ให้ความหรูหรา ส่วนประตูหลังสามารถควบคุมการเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ใช้งานง่าย สะดวกไม่ต้องใช้แรงเพื่อปิดประตู และเบาะนั่งแถวที่สามยังพับเก็บให้เรียบได้ด้วยระบบไฟฟ้า ทั้งยังมีระบบช่วยจอดอัจฉริยะ Active Park Assist และระบบตรวจจับรถในจุดบอด พร้อมระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด ส่วนระบบซิงก์เป็นการสั่งงานอัจฉริยะใช้งานง่ายขึ้นกว่าเดิม สำหรับออพชั่นมาตรฐานมีเหมือนกันในทุกรุ่นคือ ช่องเก็บของ-วางแก้ว ซึ่งมีหลากหลายจุด รวมถึงช่องต่ออุปกรณ์ภายนอก AUX และ USB ติดตั้งอยู่ตรงคอนโซลกลาง สำหรับผู้โดยสารด้านหลังสามารถควบคุมความเย็นของระบบปรับอากาศได้เอง นอกจากนี้ยังมีช่องต่อไฟ 12 โวลต์ และช่องเสียบปลั๊กไฟมาให้ด้วย ถูกใจสาวกไอทีกันไปเลย ในรุ่นท็อปใช้ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ถึง 20 นิ้ว ยาง Goodyear Efficient Grip SUV ขนาด 265/50 R20

ขุมพลังของฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีให้เลือกทั้งขนาด 3.2 ลิตร และ 2.2 ลิตร ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์ก 5 สูบ ขนาด 3.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า ที่ 3,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตรที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที การตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดดี อัตราเร่งดี สำหรับรุ่น 2.2 ลิตร ใช้เครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์กขนาด 2.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดถึง 385 นิวตันเมตร เมื่อได้สัมผัสจริง สิ่งที่ประทับใจนอกจากสมรรถนะของรถแล้วก็คือ ความเงียบภายในห้องโดยสารที่สัมผัสได้จริงๆ นอกจากนี้ยังมีระบบตัดเสียงรบกวนเพื่อจัดการกับเสียงที่มีคลื่นความถี่ต่ำ โดยเฉพาะเสียงเครื่องยนต์ ซึ่งฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีการติดตั้งไมโครโฟนความไวสูงไว้ภายในเพดาน, เหนือเบาะนั่งแถวหน้า, เหนือเบาะนั่งด้านหลัง โดยทำการตรวจวัดระดับเสียงจากเครื่องยนต์ และจะส่งสัญญาณเสียงที่ได้รับไปยังระบบควบคุมการตัดเสียงรบกวนแบบเรียลไทม์ ซึ่งเมื่อได้รับสัญญาณเสียง ระบบควบคุมจะสังเคราะห์คลื่นเสียงที่ตรงข้าม เพื่อลดเสียงรบกวนผ่านระบบเครื่องเสียงให้ช่วยกลบเสียงเครื่องยนต์

ระบบช่วงล่างหน้าเป็นแบบอิสระแบบคอยล์-โอเวอร์-สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วงล่างด้านหลังแบบคอยล์ สปริง พร้อมวัตต์ลิงค์ พวงมาลัยแบบผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยให้ควบคุมรถได้ง่าย ระบบเบรกที่เป็นดิส์เบรกทั้ง 4 ล้อ สำหรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของเอเวอเรสต์ใหม่ เป็นแบบฟูลไทม์ พร้อมระบบ Terrain Management System ซึ่งโหมดนี้จะส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้า-คู่หลัง 40/60 พร้อมปรับเสถียรภาพตามสภาพการขับขี่ ผู้ขับยังเลือกได้ว่าจะเปลี่ยนไปที่โหมดหิมะ (ถนนลื่น) โหมดทรายและโหมดหิน และเมื่อต้องลุยในเส้นทางออฟโรดก็เลือกระบบขับเคลื่อนได้ด้วย

จากการขับขี่ในเมืองรู้สึกว่าตัวถังค่อนข้างใหญ่ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค โดยผู้ขับต้องใช้ความคุ้นเคยช่วงเวลาหนึ่ง ช่วงล่างหนึบแน่น การทรงตัวดีทั้งช่วงเข้าและออกโค้ง พวงมาลัยแม่นยำ น้ำหนักพวงมาลัยเบาเมื่อความเร็วต่ำ และเมื่อความเร็วสูง พวงมาลัยจะหน่วงนิ่ง ให้ความมั่นใจมากขึ้น สมรรถนะการขับขี่ในรุ่นครื่องยนต์ดีเซล 3.2 ลิตร แรงเหลือเฟือ แต่ต้องแลกกับการซดน้ำมัน หากคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ลุยทางโหดๆ เลือกใช้เพียงรุ่นเครื่องยนต์ 2.2 ลิตร ก็สามารถพาเราไปสู่จุดหมายได้อย่างสบาย ทั้งยังลดภาระค่าน้ำมันลงด้วย ฟอร์ด เอเวอเรสต์ แบ่งเป็น 3 รุ่น คือ 2.2 L Titanium 2WD ราคา 1.269 ล้านบาท รุ่น 3.2 L Titanium 4WD ราคา 1.459 ล้านบาท และรุ่นสูงสุด 3.2 Titanium + 4WD ราคา 1.599 ล้านบาท.