เสี่ยใจบุญ โพสต์ช่วยคนเดือดร้อน

รียกได้ว่าเป็นเรื่องราวดีในช่วงวิกฤตในช่วงนี้ ที่ใครหลายคนเดือดร้อนเเละตกงานกันเป็นส่วนใหญ่ และที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ล่าสุดผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ โต้ง ชลากร – Tong Chalakorn โดยได้โพสต์ระบุข้อความว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเช้าผมจะไล่โอนให้นะครับ สำหรับคนที่เดือดร้อน ผมให้ 2,000 ครอบครัว ครอบครัวละ 1,500 บาท ก็คืนวันนี้

โดยหลังจากที่โพสต์มีคนเข้ามาคอมเม้นต์ และแชร์เป็นจำนวนมาก เรียกได้เป็นเรื่องราวดีๆ ที่มีคนใจดี นำเงินมาแจกให้คนเดือดร้อง

ทั้งนี้ได้โพสต์อีกว่า เดี๋ยววันนี้ตอนสายๆผมจะไล่โอนให้นะครับ สำหรับคนที่เดือดร้อน ผมให้ 2,000 ครอบครัว ครอบครัวละ 1,500 บาท

เราไม่ทิ้งกันครับ

โอนจริง

ไม่พูดเยอะ

ส่งเลขบัญชีมาที่เฟซผม โต้ง ชลากร – Tong Chalakorn

ขอบคุณ โต้ง ชลากร – Tong Chalakorn

วัวแดง ยิงด้วยอาวุธปืนกว่า 40 นัด กระสุนไม่เข้า

ในเฟซบุ๊ก Ake Srisuwan โพสต์ข้อความระบุว่า แปลก! "เจ้าบุญรอด" พญาโคหนังเหนียว
ยิงไม่เข้าฆ่าไม่ตาย เจ้าของนำมาเชือดเลี้ยงแขกในงานแต่งลูกสาว ยิงด้วยอาวุธปืนกว่า 40 นัด กระสุนไม่เข้ามีแค่รอยถลอก

วันนี้วันที่ 11 เม.ย.2563ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในพื้นที่ หมู่ 6 บ้านห้วยวาต.น้ำผุด อ.เมืองตรัง จ.ตรังมีเหตุการณ์สุดแปลกวัวพันธุ์พื้นบ้าน เพศเมียอายุประมาณ 1 ปี ถูกยิงด้วยปืนกว่า 40 นัด แต่ไม่ตาย บริเวณบ้านเลขที่ 38 หมู่ 6 ต.น้ำผุดจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย นายจรัญ คงแก้ว หรือใหญ่ตุ้ยอายุ 50 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 บ้านไสขุดหิน ต.น้ำผุด อ.เมือง.จ.ตรัง

หน้าบ้านหลังดังกล่าวเข้ามาในสวนยางพาราลึกประมาณ 50 เมตร พบนายสมพร นาจิน อายุ 43 ปี เจ้าของบ้านได้พาผู้สื่อข่าวไปดูวัวหนังเหนียวตัวดังกล่าวทราบชื่อต่อมา เจ้าบุญรอด ที่กำลังเคี้ยวหญ้าอยู่บริเวณหน้าบ้าน โดยนายสมพรได้ชี้ให้ดูร่องรอยบาดแผลบนลำตัว พบว่าบนผิวหนังช่วงสันคอมีบาดแผลถลอกจากการถูกคมกระสุนเพียงเล็กน้อย บางส่วนมีหัวกระสุนฝังอยู่ในผิวหนังด้วย บริเวณดวงตาด้านซ้ายมีร่องรอยบาดแผลกำลังอักเสบ มีน้ำตาไหลอยู่ตลอดเวลา

นายสมพร เล่าว่า ตนได้ซื้อลูกวัวตัวนี้เพื่อสำรองไว้ทำอาหารเลี้ยงแขกในงานแต่งงานของลูกสาว โดยซื้อไว้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมาในราคา 8,000 บาท ต่อมาวันที่ 15 มี.ค. เวลาประมาณ 08.10 น. ตนและพรรคพวกอีก 6-7 คน ได้นำวัวตัวดังกล่าวมาฆ่าเพื่อจะทำแกง โดยใช้อาวุธปืนยาว ขนาด .22 LR (ปืนลูกกรด) แต่เมื่อยิงนัดแรกกระสุนไม่เข้าร่างวัว จึงยิงใหม่ตามตัว หน้าผาก หัว รวมกว่า 40 นัด วัวก็ยังยืนนิ่ง สร้างความประหลาดใจให้คนในกลุ่มเป็นอย่างมาก จากนั้นได้นำปืนลูกซองยิงเข้าบริเวณหนอกวัว 2 นัด วัวล้มลงคนในกลุ่มก็นึกว่าตายแล้ว จึงหันไปหยิบมีดเพื่อชำแหละแต่เมื่อหันกลับมากลับต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อพบว่าวัวหายไปแล้ว

"ผ่านไป 15 วัน มีคนมาบอกตนว่าพบวัวตัวดังกล่าวมีบาดแผลตามลำตัว อยู่ที่วัวอีกฝูงหนึ่งใกล้ๆบ้าน ตนจึงประสานไปยังผู้ใหญ่บ้านให้ติดต่อปศุสัตว์ ให้เขามายิงลูกดอกยาสลบให้เพื่อที่จะเอาวัวกลับมา แต่ก็ยิงไม่เข้าหนังเหนียวมาก เมื่อตนพยายามเข้าใกล้ก็วิ่งหนีอย่างเดียว ตนจึงกลับบ้าน แต่พอวันต่อมาตนกลับไปอีก วัวตัวดังกล่าวกลับเข้าใกล้ตนและปล่อยให้ตนทำแผลให้ ตนพยายามจะพาวัวขึ้นท้ายรถกระบะแต่วัวไม่ยอม ตนได้พูดกับวัวว่า จะพาไปเลี้ยงไม่ได้พาไปแกงแล้ว หลังจากนั้นเกิดความอัศจรรย์วัวยอมขึ้นท้ายกระบะแต่โดยดี หลังจากนี้ก็จะขอดูแลอย่างดี ไม่ว่าใครจะมาขอซื้อในราคาเท่าไหร่ก็ไม่ขาย ตอนนี้ตนก็ได้ตั้งชื่อลูกวัวตัวนี้ว่าบุญรอด" เจ้าของวัวเล่าด้วยความทึ่งใจ

ศรีตรังเคเบิลทีวี"คนข่าวท้องถิ่น"

,ในเฟซบุ๊ก Ake Srisuwan โพสต์ข้อความระบุว่า แปลก! "เจ้าบ … Sun, 12 Apr 2020 12:36:56 +0000

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า...

การตรวจเพื่อรักษา คือตรวจผู้มีอาการ แต่การตรวจเพื่อกำจัด หรือจำกัดโรคไม่ให้ระบาดลุกลาม เป้าหมายอยู่ที่ผู้แพร่เชื้อที่แข็งแรง ไม่มีหรือแทบไม่มีอาการและตระเวนไปได้ทุกที่ ปัญหา: จะตรวจอย่างไรให้ครอบคลุมให้ได้มากที่สุด โดยที่ประเทศเราก็ต้องประหยัด และให้คนทุกคนเข้าถึงได้ทัดเทียมกัน

นอกจากนี้ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ยังโพสต์อีก 1 ข้อความ ระบุว่า มีข้อมูลจาก ศ.นพ.ดร.นรินทร์ หิรัญสุทธิกุล เป็นข้อมูลจริง ไม่ใช่การวิจัยที่ต้องตีความการออกแบบวิจัย เป็นสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น ไม่ซับซ้อน เผื่อนำไปใช้ประโยชน์

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ อ้างถึงข้อมูลของ ศ.นพ.ดร.นรินทร์ ที่ระบุว่า รพ.รามคำแหง ทำการตรวจ Nasopharyngeal swab และ throat swab for covid-19 แบบ drive through ในคนกรุงเทพฯ ที่ส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม ถึงวันที่ 5 เมษายน 2563 จำนวน 7,776 ราย พบว่า pcr บวก 95 ราย หรือ ร้อยละ 1.22 หรือคนกรุงเทพฯ ที่ไม่ค่อยมีอาการ 1,000 คน ติดโควิด-19 จำนวน 12 คน ถ้าตัวเลขนี้พอจะแทนประชาชนในกรุงเทพฯ ได้ กรุงเทพฯมีประชากร 10 ล้านคน น่าจะมีคนที่ติดโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการ หรืออาการน้อยราว 120,000 คน ทั้งนี้ข้อความดังกล่าวระบุว่า

“ข้อมูลจากศาสตราจารย์ นายแพทย์ ดร.นรินทร์ หิรัญสุทธิกุล เป็นข้อมูลจริงๆ ไม่ใช่การวิจัยที่ต้องตีความการออกแบบวิจัย เป็นสถานการณ์จริงๆที่เกิดขึ้น ไม่ซับซ้อน และเพื่อสร้างความตระหนักในการแพร่จากคนที่มองดูไม่น่ามีอาการอะไรมาก ด้านล่างจาก ท่าน อาจารย์โดยตรง มีข้อมูล เผื่อเอาไปใช้ประโยชน์ ครับ

รพ.รามคำแหง ทำการตรวจ Nasopharyngeal swab และ throat swab for covid-19 แบบ drive through ในคนกทม. ที่ส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย ตั้งแต่ 14 มีค – 5 เมย 63 จำนวน 7,776 ราย พบว่า pcr บวก 95 ราย หรือ ร้อยละ 1.22 หรือคน กทม. ที่ไม่ค่อยมีอาการ 1,000 คน ติดโควิด 12 คน ครับ ถ้าตัวเลขนี้พอจะแทน ประชาชนกทม. ได้ กทม. มีประชากร 10 ล้านคน น่าจะมีคนที่ติดโควิต ที่ไม่แสดงอาการ หรืออาการน้อย 120,000 คน”

คู่รักได้รับเงิน 5000 งวดแรก แต่เห็นใส่ทองเท่าโซ่

เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวที่กำลังมีคนแห่พูดถึงกันเป็นจำนวนมาก สำหรับมาตรการรับเงินจากทางรัฐ 5000 บาท จนมีผู้ที่ไม่เดือดร้อนจริงแต่กลับได้งเิน 5000 บาท

ล่าสุดทางเพจ Red Skull-addict ได้ออกมาโพสต์ภาพของผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่งที่ได้รับเงิน 5000 บาท จากโครงการเยียวยาของรัฐบาล แต่หากสังเกตดูจะพบว่าทั้งสองนั้นค่อนข้างมีฐานะ เป็นอย่างมากมีทองใส่ซึ่งคาดว่าหนักหลายบาท นอกจากนี้พึ่งถอยรถกระบะใหม่ป้ายแดง นอกจากนี้ยังโชว์เงินเป็นปึกๆอีกด้วย

โพสต์ต้นเรื่อง

โดยหลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปได้มีชาวเน็ตเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากกับเรื่องราวของทั้งสอง นอกจากนี้ยังคิดย้อนว่าทางรัฐบาลนั้นใช้เกณฑ์เช่นใดในการคัดกรอง คนรับเงินและจิตสำนึกของคนที่จะลงทะเบียนว่าควรคิดเสียก่อนว่าหากไม่ได้เดือดร้อนมากก็อาจเป็นการตัดโอกาสคนจนท่านอื่นที่ได้รับความเดือดร้อนจริงๆ

ทองเส้นใหญ่เท่าโซ่

เงินเป็นฟ่อนๆ

เงินเข้าแล้ว 5000

ภาพดังกล่าว