Sunday, July 19, 2020
Labels:การเมือง
Showing posts with label การเมือง. Show all posts
Showing posts with label การเมือง. Show all posts
#ASTV (Genaral news) "เพจข่าวสารทั่วไป รู้ลึก รู้จริง ทันเหตุการณ์ ข่าวสารโลก"
: แรมโบ้ สงสัย ”แม่ธนาธร” แจกเงินย่านสมุทรปราการ
: แรมโบ้ สงสัย ”แม่ธนาธร” แจกเงินย่านสมุทรปราการ มีอะไรแอบแฝงหรือไม่ ยินดีที่ทุกคนออกมาช่วยกัน แต่ไม่ควรหวังผลทางการเมือง
วันนี้ (18 เม.ย. 63) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณี นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของกิจการกลุ่มไทยซัมมิท มารดา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แจกเงินประชาชน คนละ 2,000 บาทพร้อมถุงยังชีพในย่านสมุทรปราการว่า
"ตนมองในเจตนาดีก่อน ว่า ในวิกฤติไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ ใครช่วยประชาชนต้องชื่นชมในน้ำใจของคนไทย ที่ไม่ทิ้งกัน ที่ผ่านมาเราเห็นภาคเอกชนและประชาชนจำนวนมาก มีจิตอาสาออกมาช่วยกันเสียสละทุ่มเทช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้คลายความเดือดร้อนจากภัยวิกฤติไวรัสร้ายที่กำลังแพร่ระบาด การช่วยกันทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทนถือว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมยกย่องควรได้รับเสียงปรบมือในความมีน้ำใจเสียสละช่วยคนไทยด้วยกันยามทุกข์ยากยามมีภัย นี่คือหัวใจคนไทยที่ไม่มีวันทอดทิ้งกันและกัน”
“กรณีของนางสมพรฯถ้ามิได้หวังผลแอบแฝงทางการเมืองเพื่อช่วยใครหรือเพื่อช่วยพรรคการเมืองใดก็ถือว่า เป็นการทำความดี แต่บังเอิญว่านางสมพร เป็นมารดาของ นายธนาธร นักการเมืองดัง เจ้าของพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบไปแล้วและไปตั้งพรรคก้าวไกล และบังเอิญอีกว่าเป็นพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ที่มีสส.ของพรรคก้าวไกลอยู่1คน ขณะที่อำเภอบางพลี เป็นท้องที่เขตเลือกตั้งของสส.กรุงศรีวิไล สุทินเผือก พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกใบเหลือง รอศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตัดสินว่าจะต้องเลือกตั้งใหม่หรือไม่ และก็บังเอิญอีกที่มีผู้สมัคร สส.ของพรรคอนาคตใหม่ อยู่ในพื้นที่นี้ด้วย”
นายสุภรณ์กล่าวต่อว่า หากการกระทำของ นางสมพร เป็นการกระทำเพื่อปูทางหาเสียงให้กับผู้สมัครพรรคก้าวไกลเช่นนี้ การกระทำดังกล่าวอาจจะสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ เพราะว่าเขตบางพลี อาจจะมีการเลือกตั้งใหม่ในอนาคตซึ่งต้องรอผลศาลฯตัดสิน ถ้านางสมพรฯมิได้มีเจตนาแอบแฝงหรือหวังผลทางการเมือง ก็ไม่ควรมุ่งเป้าในพื้นที่อำเภอบางพลีนี้จุดเดียวควรจะกระจายความช่วยเหลือคนเดือดร้อนไปให้ทั่วๆในหลายจังหวัด ถึงแม้จะเป็นเขตเลือกของสส.พรรคใดจังหวัดใดก็ตาม ถ้ามีความตั้งใจช่วยด้วยใจจริงก็ควรไปช่วยด้วย ไม่ควรเลือกจุดพื้นที่ที่มีเป้าหมายหวังผลทางการเมืองเพราะวันนี้เราคนไทยด้วยกันไม่มีเวลามาคิดการเมืองแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นของพรรคโน้นพรรคนี้แล้ว เพราะทุกคนคือคนไทยด้วยกันมิใช่หรือ ความเสียสละที่จะต้องช่วยกันทุกพื้นที่ของประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบไวรัสโควิด-19 คือเป้าหมายที่พวกเราต้องช่วยกันอย่างแท้จริงไม่มีเวลามาเล่นแบ่งพรรคแบ่งพวก แยกขั้วแยกฝ่ายการเมืองใดๆทั้งสิ้นในยามที่ประเทศมีวิกฤตินี้ครับ "หรือคุณสมพรถ้าจะบริจาคสนับสนุนก็สามารถติดต่อผ่านหน่วยงานรัฐหรือส่วนราชการหรือนำอุปกรณ์ต่างๆไปมอบให้โรงพยาบาลที่หมอและพยาบาลที่ขาดแคลนจะไม่ดีกว่าหรือไม่ใช่มาให้ลูกน้องถ่ายคลิปแจกเงินโชว์ในโซเชียลเช่นนี้ดูแล้วไม่สบายในสายตาคนชมเลย ตนจึงขอแนะนำว่าควรจะไปช่วยในพื้นที่อื่นๆด้วยเพื่อมิให้ใครมองว่ามีเจตนาช่วยพรรคก้าวไกลที่มีนายธนาธรและคุณสมพรฯเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังใกล้ชิดกับพรรคดังกล่าวนี้
“ผมไม่อยากให้ใครก็ตาม เอาความเป็นความตายของประชาชน ฉกฉวยวิกฤติเป็นโอกาสของตนเอง เพื่อหวังผลทางการเมือง ควรทำด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์มีจิตใจที่เป็นกุศลเพื่อช่วยประชาชนอย่างแท้จริง และเป็นตัวอย่างที่ดีในการกระทำความดีและเป็นตัวอย่างให้คนในสังคมไทยได้ดูเป็นแบบอย่างการเสียสละตอบแทนกลับคืนสู่สังคมโดยไม่ได้หวังผลทางการเมืองให้กับครอบครัวและเครือข่ายพรรคการเมืองของลูกชายตนเอง ซึ่งในยามนี้ประเทศชาติต้องการความร่วมมือจากทุกๆฝ่าย ต้องการความสมัครสมานสามัคคีความเสียสละจากคนไทยทุกคนพวกเราพวกท่านควรหยุดคิดและหยุดพักกิเลสทางการเมืองควรพับเก็บใส่ลิ้นชักไว้ก่อนเพื่อทำให้ประเทศไทยก้าวพ้นผ่านวิกฤติไปด้วยกันจะได้ไหมครับ" นายสุภรณ์กล่าว
#TheReporters
วันนี้ (18 เม.ย. 63) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณี นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของกิจการกลุ่มไทยซัมมิท มารดา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แจกเงินประชาชน คนละ 2,000 บาทพร้อมถุงยังชีพในย่านสมุทรปราการว่า
"ตนมองในเจตนาดีก่อน ว่า ในวิกฤติไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ ใครช่วยประชาชนต้องชื่นชมในน้ำใจของคนไทย ที่ไม่ทิ้งกัน ที่ผ่านมาเราเห็นภาคเอกชนและประชาชนจำนวนมาก มีจิตอาสาออกมาช่วยกันเสียสละทุ่มเทช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้คลายความเดือดร้อนจากภัยวิกฤติไวรัสร้ายที่กำลังแพร่ระบาด การช่วยกันทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทนถือว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมยกย่องควรได้รับเสียงปรบมือในความมีน้ำใจเสียสละช่วยคนไทยด้วยกันยามทุกข์ยากยามมีภัย นี่คือหัวใจคนไทยที่ไม่มีวันทอดทิ้งกันและกัน”
“กรณีของนางสมพรฯถ้ามิได้หวังผลแอบแฝงทางการเมืองเพื่อช่วยใครหรือเพื่อช่วยพรรคการเมืองใดก็ถือว่า เป็นการทำความดี แต่บังเอิญว่านางสมพร เป็นมารดาของ นายธนาธร นักการเมืองดัง เจ้าของพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบไปแล้วและไปตั้งพรรคก้าวไกล และบังเอิญอีกว่าเป็นพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ที่มีสส.ของพรรคก้าวไกลอยู่1คน ขณะที่อำเภอบางพลี เป็นท้องที่เขตเลือกตั้งของสส.กรุงศรีวิไล สุทินเผือก พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกใบเหลือง รอศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตัดสินว่าจะต้องเลือกตั้งใหม่หรือไม่ และก็บังเอิญอีกที่มีผู้สมัคร สส.ของพรรคอนาคตใหม่ อยู่ในพื้นที่นี้ด้วย”
นายสุภรณ์กล่าวต่อว่า หากการกระทำของ นางสมพร เป็นการกระทำเพื่อปูทางหาเสียงให้กับผู้สมัครพรรคก้าวไกลเช่นนี้ การกระทำดังกล่าวอาจจะสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ เพราะว่าเขตบางพลี อาจจะมีการเลือกตั้งใหม่ในอนาคตซึ่งต้องรอผลศาลฯตัดสิน ถ้านางสมพรฯมิได้มีเจตนาแอบแฝงหรือหวังผลทางการเมือง ก็ไม่ควรมุ่งเป้าในพื้นที่อำเภอบางพลีนี้จุดเดียวควรจะกระจายความช่วยเหลือคนเดือดร้อนไปให้ทั่วๆในหลายจังหวัด ถึงแม้จะเป็นเขตเลือกของสส.พรรคใดจังหวัดใดก็ตาม ถ้ามีความตั้งใจช่วยด้วยใจจริงก็ควรไปช่วยด้วย ไม่ควรเลือกจุดพื้นที่ที่มีเป้าหมายหวังผลทางการเมืองเพราะวันนี้เราคนไทยด้วยกันไม่มีเวลามาคิดการเมืองแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นของพรรคโน้นพรรคนี้แล้ว เพราะทุกคนคือคนไทยด้วยกันมิใช่หรือ ความเสียสละที่จะต้องช่วยกันทุกพื้นที่ของประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบไวรัสโควิด-19 คือเป้าหมายที่พวกเราต้องช่วยกันอย่างแท้จริงไม่มีเวลามาเล่นแบ่งพรรคแบ่งพวก แยกขั้วแยกฝ่ายการเมืองใดๆทั้งสิ้นในยามที่ประเทศมีวิกฤตินี้ครับ "หรือคุณสมพรถ้าจะบริจาคสนับสนุนก็สามารถติดต่อผ่านหน่วยงานรัฐหรือส่วนราชการหรือนำอุปกรณ์ต่างๆไปมอบให้โรงพยาบาลที่หมอและพยาบาลที่ขาดแคลนจะไม่ดีกว่าหรือไม่ใช่มาให้ลูกน้องถ่ายคลิปแจกเงินโชว์ในโซเชียลเช่นนี้ดูแล้วไม่สบายในสายตาคนชมเลย ตนจึงขอแนะนำว่าควรจะไปช่วยในพื้นที่อื่นๆด้วยเพื่อมิให้ใครมองว่ามีเจตนาช่วยพรรคก้าวไกลที่มีนายธนาธรและคุณสมพรฯเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังใกล้ชิดกับพรรคดังกล่าวนี้
“ผมไม่อยากให้ใครก็ตาม เอาความเป็นความตายของประชาชน ฉกฉวยวิกฤติเป็นโอกาสของตนเอง เพื่อหวังผลทางการเมือง ควรทำด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์มีจิตใจที่เป็นกุศลเพื่อช่วยประชาชนอย่างแท้จริง และเป็นตัวอย่างที่ดีในการกระทำความดีและเป็นตัวอย่างให้คนในสังคมไทยได้ดูเป็นแบบอย่างการเสียสละตอบแทนกลับคืนสู่สังคมโดยไม่ได้หวังผลทางการเมืองให้กับครอบครัวและเครือข่ายพรรคการเมืองของลูกชายตนเอง ซึ่งในยามนี้ประเทศชาติต้องการความร่วมมือจากทุกๆฝ่าย ต้องการความสมัครสมานสามัคคีความเสียสละจากคนไทยทุกคนพวกเราพวกท่านควรหยุดคิดและหยุดพักกิเลสทางการเมืองควรพับเก็บใส่ลิ้นชักไว้ก่อนเพื่อทำให้ประเทศไทยก้าวพ้นผ่านวิกฤติไปด้วยกันจะได้ไหมครับ" นายสุภรณ์กล่าว
#TheReporters
สุดารัตน์ ถาม บิ๊กตู่ อีกนานเท่าไหร่ จะคุมโควิด-19 ได้
วันที่ 6 เม.ย. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหาโควิด-19 ความว่า อีกนานเท่าไหร่ เราจึงจะควบคุมการระบาดให้สยบลงได้ และประชาชนจะต้องหยุดทำมาหากินอีกนานเท่าไหร่ ถ้าประสิทธิภาพการทำงานของรัฐยังเป็นเช่นนี้ และมาตรการยังออกมา สะเปะสะปะ ไม่ตรงจุดครบถ้วน
ปิดประเทศ ปิดการทำมาหากินของประชาชน โดยไม่ค้นหาผู้ติดเชื้อ แล้วนำออกจากสังคมไปรักษา หรือไปกักตัวเฝ้าดูอาการในระบบ สยบโรคระบาดไม่ได้หรอกค่ะ
หัวใจหลักคือ ต้องให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจ โควิด-19 ฟรี ให้ได้มากที่สุด
วันนี้ครบ 16 วัน ที่มีการสั่งปิดกิจการห้างร้านต่างๆ ในกรุงเทพฯ โดยไม่มีมาตรการใดๆ รองรับ ทำให้คนแตกตื่นกลับไปต่างจังหวัดกว่าแสนคน ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินปิดหลายจังหวัด ตั้งด่าน สั่งเคอร์ฟิว
แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังพุ่งทั้ง กทม. และต่างจังหวัดไปกว่า 2,000 รายแล้ว และยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
มีอำนาจล้นฟ้าจาก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน แต่ก็ยังออกมาตรการที่สะเปะสะปะ ไม่ชัดเจนครบถ้วน เปลี่ยนไปมา เหมือนเด็กเล่นขายของ ผลคือ
- ควบคุมการระบาดไม่ได้ และยังไม่รู้ว่าจะควบคุมได้เมื่อไหร่
- อุปกรณ์การแพทย์ยังคงขาดแคลนอย่างหนัก จน รพ.ต่างๆ ต้องมาขอรับบริจาค
- ยังตอบไม่ได้ว่า จะปิดเมือง ปิดการทำมาหากินของประชาชน ไปอีกนานแค่ไหน
- จะห้ามหรือชะลอคนไทยกลับบ้าน จะห้ามแบบไหน ชะลอยังไง ไม่ชัด
- ควบคุมการระบาดไม่ได้ และยังไม่รู้ว่าจะควบคุมได้เมื่อไหร่
- อุปกรณ์การแพทย์ยังคงขาดแคลนอย่างหนัก จน รพ.ต่างๆ ต้องมาขอรับบริจาค
- ยังตอบไม่ได้ว่า จะปิดเมือง ปิดการทำมาหากินของประชาชน ไปอีกนานแค่ไหน
- จะห้ามหรือชะลอคนไทยกลับบ้าน จะห้ามแบบไหน ชะลอยังไง ไม่ชัด
ดิฉันและพรรคเพื่อไทยได้เสนอ "ยุทธการ 21 วัน สยบ COVID" มาตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม ถ้ารัฐบาลทำตาม ตั้งแต่วันนั้น ป่านนี้เราคงควบคุมการระบาดให้สยบลงได้แล้วในระดับหนึ่ง
โปรดฟังชัด ๆ อีกครั้งนะคะว่า หลักการง่าย ๆ ของการควบคุมการระบาดของโรค มีอยู่ 2 ประการคือ
1.ป้องกันผู้ติดเชื้อใหม่ ไม่ให้เข้าประเทศ
โดยห้ามการเดินทางเข้าประเทศ หรือกักตัว 14 วัน โดยเช่าโรงแรมให้อยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ซึ่งควรทำมาตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว แต่ก็ปล่อยให้เละเทะมาถึงวันนี้ อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวานก่อน
โดยห้ามการเดินทางเข้าประเทศ หรือกักตัว 14 วัน โดยเช่าโรงแรมให้อยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ซึ่งควรทำมาตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว แต่ก็ปล่อยให้เละเทะมาถึงวันนี้ อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวานก่อน
2. ค้นหาผู้ติดเชื้อในประเทศให้ได้มากที่สุด และเร็วที่สุด โดยใช้กลไกสาธารณสุข และมหาดไทย ปูพรมตรวจหาผู้ติดเชื้อทุกหมู่บ้าน ผู้ติดเชื้อที่ป่วยรีบส่งตัวเข้าโรงพยาบาล ส่วนผู้ติดเชื้อที่มีอาการป่วยน้อยใช้โรงแรมเป็นที่กักตัว เฝ้าดูอาการจนหายดี ตรวจไม่พบเชื้อแล้ว จึงให้กลับบ้าน
หัวใจหลักคือ ต้องให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจ โควิด-19 ฟรี ให้ได้มากที่สุด
วิธีนี้หลายประเทศทำสำเร็จ สยบการระบาดได้ จนประชาชนกลับมาทำมาหากินกันได้ทั้งจีน, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์ แม้แต่ Bill Gates ก็เพิ่งเสนอว่า การเร่งตรวจหาผู้ติดเชื้อให้ได้มากที่สุด เร็วที่สุดเท่านั้น จึงจะสยบการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ได้เช่นกัน
ปัญหาที่รัฐบาลต้องแก้คือ เรื่องชุดตรวจที่มีข่าวทุจริต และต้องทะลวงคอขวดของระบบราชการ ให้นำเข้าชุดตรวจให้ได้เร็วที่สุด รวมทั้งมีมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลในประเทศที่มีการพัฒนาชุดตรวจได้ ก็ให้รีบสนับสนุนงบโดยด่วน
ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หยุดโทษประชาชนเพียงฝ่ายเดียว แล้วหันมาเร่งปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลอย่างเร่งด่วน
ยิ่งช้า..... คนป่วยยิ่งมากขึ้น จนเกินกว่าที่ระบบสาธารณสุขของไทย และแพทย์จะรับมือไหว
ยิ่งช้า.....เศรษฐกิจปากท้องจะพังพินาศ คนไทยจะยากลำบาก จนไม่ว่ารัฐบาลจะ”กู้เงิน”มามากแค่ไหน ก็ไม่อาจจะทำให้เศรษฐกิจกลับมาดีได้
ข้อเสนอนี้ เป็นข้อเสนอด้วยความปรารถนาดีของเรา ที่ต้องการให้ประชาชน และประเทศชาติรอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ เป็นข้อเสนอจากประสบการณ์ของเรา ในการรับมือกับโรคอุบัติใหม่ (Emerging Disease) อย่างโรค SARS และไข้หวัดนก
ดิฉันเชื่อมั่นในความสามารถของระบบสาธารณสุขของประเทศไทย และความสามารถของคณะแพทย์ พยาบาล จึงมั่นใจว่า ถ้าฝ่ายนโยบายได้กำหนดนโยบายได้ถูกต้อง และสนับสนุนการทำงานของแพทย์อย่างเต็มที่
เราจะสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้ภายในเร็ววัน และจะสามารถลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์ของเราลงได้ โปรดอย่าคิดว่า เป็นข้อเสนอของ ฝ่ายค้าน แล้วนายกฯ ฟังไม่ได้
ถ้ารัฐบาลนำไปทำ แล้วสำเร็จ ประชาชนจะสรรเสริญชื่นชมรัฐบาล ไม่ใช่ฝ่ายค้านค่ะ
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2563 ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arthit Ourairat ระบุว่า วิสัยทัศน์ วิสัยสามารถ ความคิดความอ่านที่กว้างไกล และความเป็นผู้นำในการบริหารประเทศของนายกทักษิณ ชินวัตร นับว่ามีสูงมากยากที่จะหาใครทัดเทียมได้
เสียดายอยู่อย่างเดียวว่า ถ้าไม่นำผลประโยชน์ของชาติไปเป็นของตนเองพวกพ้องและต่างชาติโดยไม่ชอบไม่ควร และไม่มักใหญ่ใฝ่สูงจนเกินไป น่าจะเป็นคุณูปการ ต่อชาติบ้านเมืองอย่างยิ่ง
โพสต์ดังกล่าว
ไลน์พลังประชารัฐหลุดอีก ปารีณา เดือด! เจอ ส.ส.พรรคเดียวกันทักจัดปาร์ตี้ในเวลานี้จะโดนประชาชนด่านะ เอ๋สวนแรง ชมชัดๆ ร้องเพลงโชว์ลูกคอ
“เสรีพิศุทธ์” ลั่นไม่กลัว โควิด-19 เดินหน้า เรียกประชุม กมธ.ป.ป.ช.ทุกสัปดาห์เหมือนเดิม เหน็บ นายกฯ ถ้าเหนื่อยก็ลาออกไป
เมื่อวันที่ 18 มี.ค. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง สาเหตุที่ไม่งดประชุมคณะกรรมาธิการ วันนี้ (18 มี.ค.) ว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้เป็นหน้าอำนาจกรรมาธิการแต่ละคณะ พิจารณาสั่งงดหรือไม่งดการประชุม ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด -19 ทั้งนี้ตนไม่รู้สึกกลัวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสตัวนี้ เพราะชีวิต ตนผ่านอะไรมามากมาย เคยไปรบในสนามรบหลายที่ สมัยนั้นก็ยังไม่เคยกลัวตาย ตอนนี้อายุมากแล้ว ก็ไม่กลัวตายเช่นกัน จึงขอไม่งดการประชุม กมธ.ป.ป.ช. เพราะเห็นเรื่องที่ประชาชนเดือดร้อนสำคัญกว่าชีวิต
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังขอความร่วมมือกรรมาธิการทุกคน ให้มาประชุมอาทิตย์ละครั้งตามที่ตกลงกันไว้ อย่ากลัวการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐที่ เมื่อวานนี้ (17 มี.ค.) ไปตรวจหาเชื้อมา และวันนี้จะมาขอนั่งใกล้ตน ก็ไม่กลัว จึงขอกรรมาธิการคนอื่นอย่ากลัว หากกลัว ก็อย่ามาเป็นผู้แทนราษฎร
เมื่อถามว่า มองถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลอย่างไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ควรเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีโดยประสานกับจังหวัดและพิจารณาข้อมูลแต่ละจังหวัดว่าจังหวัดควรปิดหรือไม่ปิดเพราะถ้าไปให้อำนาจจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งพิจารณากันไปแล้วการคิดการตัดสินใจแต่ละจังหวัดจะอยู่บนพื้นฐานที่แตกต่างกันและอาจขาดมาตรฐาน ทั้งนี้ตนเชื่อว่าผู้ทรงอิทธิพลในจังหวัดมีอยู่การไปปิดจังหวัดและทำอะไรก็ตามบางอย่างอาจจะอยู่ใต้ผู้ทรงอิทธิพลภายในจังหวัดนั้นและจะทำให้ประชาชนที่อยู่ในจังหวัดเกิดความเดือดร้อน
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่านายกรัฐมนตรีต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดถ้าบอกว่าตัวเองเหนื่อยก็ขอให้ลาออกไปตนเองติดตามอ่านข่าวก็พบว่าการทำงานของนายกรัฐมนตรีล้มเหลวอย่างเมื่อไม่นานมานี้ที่ออกมาแถลงก็ไม่มีสาระอะไรเลยเพราะควรแถลงให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต
“นายกรัฐมนตรีต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด อย่ามาบอกว่า เฮ้ยอย่างนู้นอย่างนี้ต่างๆ ผมเหนื่อย เหนื่อยก็ไม่ต้องทำ เหนื่อยก็ลาออกไป หมดสิ้น” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
จะเลือก "อนาคตที่ไม่ชัด" หรือ "อดีตที่ล้มเหลว"
บิ๊กตู่ ส่งพัด “รมว.ยุติธรรม” ปัดเป่าเรื่องร้อนช่วงนี้ ระบุ ให้ปชช.เลือกต้องการอนาคตที่ยังมองเห็นไม่ชัด หรือ อดีตที่ล้มเหลว
2 ส.ค.59-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยก่อนการประชุม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นำคณะผู้บริหาร และผู้ประกอบการ เข้าพบเพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงาน “ตลาดคลองผดุง : รวมใจภักดิ์ รักแม่เที่ยงธรรม” โดยเป็นการนำผลิตภัณฑ์จากผู้ต้องขังที่มีการพัฒนาฝึกอาชีพ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้อุดหนุนสินค้าด้วยการซื้อประติมากรรมพระพิฆเนศวร หุ่นกระบอกพระรามนางสีดา และหัวโขนทศกัณฐ์ จากนั้นได้มีการแสดงเพลงโคราช จากผู้ต้องขังจากทัณฑสถานหญิงจังหวัดนครราชสีมา โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังรับชมว่า ไม่ต้องการให้มา ยกยอ เพราะถ้าทำงานผลงานก็จะออกมาเอง ซึ่งให้เลือกเอาว่าจะเลือกอนาคตที่ยังเห็นไม่ชัดมากนัก หรืออดีตที่ล้มเหลว
ขณะที่ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนางอัมพวัน พิชาลัย ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ นำคณะเข้าพบเพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงาน “นวัตศิลป์ไทย เทิดไท้องค์ราชินี” ครั้งที่ 4 โดยมีการโชว์การแสดงหนังใหญ่ จากจังหวัดราชบุรี ซึ่งมีตัวละครคือพระราม และทศกัณฑ์ โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงเนื้อหาในวรรณคดี รวมถึงให้ประชาชนช่วยกันปราบยักษ์ด้วย จากนั้นได้ซื้อดาบโบราณที่ถูกทำขึ้นจากเหล็กมงคล เหล็กน้ำพี้ และตะปูสังฆวานร ซึ่งมีการบอกถึงคุณลักษณะว่า เอาไว้ฝ่าฟัน ขวากหนาม และอุปสรรค
นอกจากนี้ นางเพ็ญพักตร ศรีทอง เลขาธิการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ นำคณะดารา นักแสดง และเจ้าหน้าที่เข้าพบ เพื่อประชาสัมพันธ์การจำหน่ายดอกมะลิ เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม และถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา โดยนายกรัฐมนตรี ได้ซื้อดอกมะลิวันแม่ และทำสัญลักษณ์มินิฮาร์ท และกล่าวว่า แม่เป็นผู้มีพระคุณ ดูแลเรามาดังนั้นต้องตอบแทนบุญคุณในการดูแลแม่ ทั้งนี้นอกจากรักแม่ของตัวเองแล้ว ยังต้องรักแม่ของแผ่นดินด้วย ขณะเดียวกันขอขอบคุณสภาสังคมสงเคราะห์ฯ ที่จัดกิจกรรมเช่นนี้ทุกปี
ทั้งนี้ก่อนขึ้นประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีได้รับมอบพัด ที่ระลึกจากเลขาธิการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย และส่งพัดให้กับ พล.อ.ไพบูลย์ พร้อมกล่าวว่า ให้รัฐมนตรียุติธรรมไว้ปัดเป่า เพราะช่วงนี้ร้อน.
http://www.komchadluek.net/
นปช.ปฏิเสธข้อกล่าวหา คดีเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ ตร.นัดอีกครั้ง 6 กันยายน
วันที่ 2 สิงหาคม นายจตุพร พรหมพันธุ์ พร้อมด้วยแกนนำ นปช.และผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 19 ราย ได้เดินทางกลับออกมาภายหลังได้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน บก.ป.เสร็จสิ้น โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง โดยนายจตุพรกล่าวว่า ทางตำรวจให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ส่วนกรณีที่แจ้งข้อหาเรื่องการชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คนขึ้นไป พวกตนได้ให้การปฏิเสธโดยจะให้ถ้อยคำเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งทางตำรวจได้นัดหมายอีกครั้งในวันที่ 6 กันยายนนี้ จึงมอบหมายให้ทนายความมาดำเนินการอีกครั้งหนึ่ง
นายจตุพรกล่าวต่อว่า การทำหน้าที่ของพวกตนในการตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติฯ นั้น ไม่ได้เป็นการกระทำที่ขัดต่อคำสั่งของ คสช.เพราะไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง แต่เป็นหัวข้อตั้งต้นในการใช้สิทธิในการต่อสู้ตามกระบวนการ นอกจากนี้ พวกตนยังแสดงความห่วงใยต่อพี่น้องผองเพื่อน คือ น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และคณะ ซึ่งจะต้องถูกควบคุมตัวไปที่ จ.เชียงใหม่ โดยในส่วนของ น.ส.ทัศนีย์ นั้น ถูกคุมขังมาเป็นเวลาร่วม 7 วันแล้ว ก็คาดหวังว่าจะได้รับการประกันตัวที่ศาลทหารจังหวัดเชียงใหม่
ประธาน นปช.กล่าวอีกว่า สำหรับพวกตนทั้ง 19 คน ก็ได้รับการปล่อยตัวโดยไม่มีการยื่นประกันตัวใดๆ ในชั้นพนักงานสอบสวน ซึ่งหลังจากนี้พวกตนก็จะทำหน้าที่ในฐานะพลเมืองด้วยการออกไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ดังเดิม พร้อมกับเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมเป็นหูเป็นตา ตามที่ กกต.ได้ชักชวนว่าหากพบการทุจริตก็ขอให้แจ้งให้ดำเนินการเพราะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของประเทศ ก็ขอขอบคุณทางตำรวจ บก.ป.อีกครั้ง ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดี
เมื่อถามถึงกรณีที่ได้รับการปล่อยตัวครั้งนี้มีเงื่อนไขจากพนักงานสอบสวนหรือไม่ นายจตุพรระบุว่า ไม่มีเงื่อนไขใด แต่โดยหลักแม้ว่าจะไม่มีเงื่อนไข คำสั่งของ คสช.ก็อยู่ในตัวอยู่แล้ว มีความหมายเท่ากัน เราก็ปฏิบัติตามกฎหมายทุกอย่างตามปกติ เหมือนเรื่องศูนย์ปราบโกงฯ หากว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกว่าเปิดไม่ได้ตั้งแต่แรกเราก็คงไม่เปิด แต่เมื่อท่านบอกว่าเปิดได้ เราจึงไปเปิด แล้วต่อมาก็กลับมาบอกว่าเปิดไม่ได้ เรื่องทั้งหมดทั้งปวงจึงอยู่ในห้วงขอการดำเนินคดีกันไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง นายจตุพร ได้เป็นตัวแทนกลุ่ม นปช.ที่ถูกกล่าวหาทั้ง 19 คน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนจำนวนมากที่มาเฝ้ารอทำข่าวแล้ว ได้มีกลุ่มชาวบ้านกว่า 30 คน ที่เดินทางมาให้กำลังใจต่างพากันมอบดอกกุหลาบและตะโกนส่งเสียงให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ทั้งหมดจะขึ้นรถกลับออกไป
------------------------------
http://www.matichon.co.th/news/233709
“อรรถวิชช์” รับร่างรธน. เชื่อ ดีที่สุดในตอนนี้ ชี้ ปมจำนำข้าว เปิดช่องอุทธรณ์ทั้งโจทก์-จำเลย เป็นธรรมทั้งสองฝ่าย การันตี “มาร์ค” ลูกผู้ชายพอที่จะรับฟังความเห็นต่างของลูกพรรค
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ว่า ตนรับร่างรัฐธรรมนูญ เพราะได้อ่านรัฐธรรมนูญทั้งหมดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เห็นว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้ ก่อนหน้านี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ส่งหนังสือถึงนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมาการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เรียกร้องใน 16 ข้อที่เรียกได้ว่า เป็นประชาธิปไตยน้อยกว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เช่น การขอให้ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งสามารถลงคะแนนอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ แต่นายมีชัยก็ไม่รับข้อเสนอนี้ของ คสช. มาใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญ ตนจึงคิดว่า นายมีชัยได้กรองทุกอย่างอย่างดีที่สุดแล้ว ถึงได้รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงนี้มา โดยเฉพาะการกรองคนที่จะเข้าสู่ระบบทางการเมืองถือว่าเข้มข้นมากที่สุด ตนเชื่อในสิ่งที่เห็น และไม่เชื่อในสิ่งที่ไม่เห็น สิ่งที่เห็นคือเจตจำนงของ คสช. และการร่างรัฐธรรมนูญของนายมีชัยที่ผ่านการกรองแล้ว ส่วนสิ่งที่ไม่เห็นคือ การที่เราบอกว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านแล้วจะให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.มาร่างรัฐธรรมนูญเอง นี่อนาคตที่เรามองไม่เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์จะร่างอย่างไร และเมื่อถึงวันนั้นจะมีหลักประกันอะไรว่า ประเทศจะไม่วุ่นวาย
นายอรรถวิชช์ กล่าวอีกว่า ส่วนการที่มีคนมองศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สามารถเปิดช่องให้จำเลยอุทธรณ์ได้นั้น มองว่าเป็นหลักสากลที่เราเรียกร้องกันมานาน ในรัฐธรรมนูญเดิมเราให้สิทธิ์แค่จำเลยเท่านั้นที่มีสิทธิอุทธรณ์ แต่ในร่างรัฐธรรมนูญนี้ให้สิทธิทั้งโจทก์และจำเลยที่สามารถอุทธรณ์ได้ ดังนั้น เรื่องคดีจำนำข้าวที่พูดกัน ก็อยากให้มองอีกมุมที่น่าสนใจ คือถ้าจำเลยยื่นอุทธรณ์ ทางอัยการก็สามารถอุทธรณ์กลับได้เช่นกัน ถือว่าเป็นธรรมและรัดกุมทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม แม้ร่างรัฐธรรมนูญนี้จะแก้ยากก็จริง แต่หากในอนาคตต้องแก้ไขเพื่อให้ส่วนรวมเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ตนเชื่อว่าเราสามารถทำได้
เมื่อถามว่า การรับร่างรัฐธรรมนูญ จะเป็นการสวนทางกับจุดยืนของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ ที่ไม่รับร่าง แต่ไปตรงกับแนวทางของกปปส.ที่เคยเคลื่อนไหวมาด้วยกัน ตรงนี้จะขัดแย้งหรือไม่ นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ตนรับร่างเพราะอ่านรัฐธรรมนูญแล้วเห็นว่าดีที่สุดในขณะนี้เท่านั้น ไม่มีเหตุผลอื่น ส่วนจุดยืนของนายอภิสิทธิ์นั้น ตนเข้าใจดี เพราะเป็นเรื่องยากที่ต้องตัดสินใจ จึงขอชื่นชมความกล้าหาญของนายอภิสิทธิ์ ท่านเป็นหัวหน้าพรรคฯ ก็ต้องมีอุดมการณ์ที่ชัดเจนของพรรคเก่าแก่ และนี่คือสิ่งที่ดีสำหรับพรรคปชป.เพราะไม่ว่าเราจะเห็นแตกต่างกันอย่างไร เขาก็จะไม่ว่าอะไร พรรคนี้ไม่มีอะไรที่ต้องเห็นตรงกันทั้งหมด นายอภิสิทธิ์มีความเป็นลูกผู้ชายเต็มที่ในการรับฟังความเห็นที่หลากหลายของคนในพรรคปชป.
http://www.matichon.co.th/news/233817
Subscribe to:
Posts
(Atom)