วันที่06 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 00:59 น.
บทบรรณาธิการ
ผลการสำรวจของไอลอว์ หรือโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน เมื่อเร็วๆ นี้ที่ใช้วิธีสุ่มตัวอย่างประชาชน 158 ราย พบว่า ร้อยละ 70.25 ไม่ทราบวันที่ลงประชามติอย่าง ถูกต้อง และร้อยละ 92.41 ไม่ทราบว่าคำถามพ่วงคืออะไร
ผลดังกล่าวนี้ไม่ว่าจะมีความแม่นยำหรือผิดพลาดมากน้อยเพียงใด ก็น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับกลุ่มที่รณรงค์ให้คนออกไปใช้สิทธิ์ให้มาก
เนื่องจากประชามติครั้งนี้เป็นไปตามกลไกสถานการณ์ทางการเมือง ไม่ได้มีฐานรากมาจากกระแสสังคมหรือการเรียกร้องจากประชาชนหมู่มาก อีกทั้งยังเกิดความวิตกกังวลจนไม่ได้เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี
ความจำกัดในการรับรู้นี้จึงเป็นการบ้านใหญ่ของฝ่ายรณรงค์ให้ไปใช้สิทธิ์
แม้ว่าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กระทรวงศึกษาธิการ จัดประชุมมอบนโยบาย และการชี้แจงแนวทางการเผยแพร่และประชา สัมพันธ์การออกเสียงประชามติให้หน่วยงาน ท้องถิ่นไปแล้ว ไม่ว่าในระดับตำบล อำเภอ และจังหวัด เพื่อซักซ้อมความเข้าใจช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันออกเสียงประชามติ
พร้อมทั้งนัดแนะให้กรรมการของศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยตำบล กว่า 74,000 คน เดินเคาะประตูบ้านและชี้แจงให้ประชาชนได้เข้าใจและเห็นความสำคัญของการออกมาใช้สิทธิ์ออกเสียง
แต่ธรรมชาติของการออกมาใช้สิทธิ์อย่างคึกคักและกว้างขวางมักเป็นการแข่งขันทางความคิด นโยบาย และหาแนวร่วมที่ดึงดูดให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์
บรรยากาศแบบนั้นยังไม่ปรากฏในช่วงรณรงค์ประชามตินี้
จากสถิติตัวเลขผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียงประชามติ รับร่างรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2550 อยู่ที่เพียง ร้อยละ 57 เพราะบรรยากาศและสถานการณ์อยู่ในขอบเขตที่จำกัด
เมื่อเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งในปี 2554 ที่มีการหาเสียงของพรรคการเมือง นำเสนอนโยบายอย่างคึกคัก มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งออกมาใช้สิทธิ์ถึงร้อยละ 75
จะเห็นได้ว่าบรรยากาศในการแข่งขันหาเสียงนั้นมีส่วนสำคัญที่จะทำให้ประชาชนรู้สึกมี ส่วนร่วม
ในขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้งตั้งเป้าว่าตัวเลขของผู้มาออกเสียงประชามติในวันที่ 7 ส.ค. จะมียอดผู้ใช้สิทธิ์สูงกว่าปี 2550
แต่ยังเป็นที่สงสัยว่าจะใช้ปัจจัยใดที่ จะผลักดันให้บรรลุถึงเป้าหมาย