วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 06:37 น.
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เผยปัญหาเศรษฐกิจไทยเพราะปล่อยภาคส่งออกเป็นหลักสูงถึง 77% จนเกิดปัญหา และยังกระตุ้นการบริโภคล่วงหน้าหนักเกินไป ด้าน‘วิรไท’ชี้ไทยมีปัญหาเรื่องโครงสร้างโดยเฉพาะการลงทุนอยู่ในระดับต่ำ ภาครัฐ-รสก.มีประสิทธิภาพน้อยแข่งกับต่างชาติยาก
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวในการสัมมนา‘เศรษฐกิจไทยจะเดินหน้าอย่างไร’ ว่า หลังจากนี้โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะกลับไปขยายตัวได้ถึง 4% ต่อปี เป็นไปได้ยาก เนื่องจากที่ผ่านมาโครงสร้างเศรษฐกิจไทยบิดเบี้ยวมานาน พึ่งพาการส่งออกมากขึ้นถึง 77% ของจีดีพี จากปี 2540 ที่มีสัดส่วน 40% ของจีดีพี
เมื่อเศรษฐกิจโลกเปราะบาง แม้ว่าภาคท่องเที่ยวจะเติบโตได้ต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่สามารถชดเชยได้เนื่องจากมีสัดส่วนแค่ 10% ของจีดีพีเท่านั้น เศรษฐกิจไทยเรียกว่ากรรมเก่าเยอะ ที่ผ่านมาบริโภคล่วงหน้า หนี้ครัวเรือนในระดับสูง และเจอปัญหาภัยแล้ง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำอีก
นอกจากนี้ ปัญหาเศรษฐกิจไทยในระยะยาวยังมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องแก้ไข ทั้งในเรื่องของการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งปัจจุบันแรงงานกว่า 39.7 ล้านคน อยู่ผิดที่ผิดทาง อยู่ในภาคการเกษตรกว่า 1 ใน 3 ขณะที่เลือกเรียนระดับปริญญาตรีแทนการเรียนสายวิชาชีพมากขึ้น รวมทั้งยังมีปัญหาในเรื่องการลงทุน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น
นายวิรไท สันติประภพ ว่าที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งมีหลายเรื่องสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไข ทั้งการลงทุนที่ยังอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง โครงสร้างภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่เติบโตขึ้นมากแต่ไม่มีประสิทธิภาพ ความสามารถในการแข่งขันของประเทศลดลง รวมถึงปัญหาคอร์รัปชั่น และระบบอุปถัมภ์
“มี 2 เรื่องสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไขเป็นลำดับแรกๆ เพื่อช่วยวางรากฐากของประเทศในอนาคต และยกระดับเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าได้อย่างมั่นคง คือส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนให้เพิ่มขึ้น การปฏิรูประบบราชการและรัฐวิสาหกิจ”
น.ส.อุสรา วิไลพิชญ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิจัยธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าจากข้อมูลพบว่าตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 5 ส.ค.นี้ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกครั้ง จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.50%
**********************
ที่มา:http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1437590356