วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20:41 น.
เรื่อง วรัญญู อินทรกำแหง
ภาพ ณัฐ ประกอบสันติสุข
ที่มา นิตยสาร gqthailand
เธอสวย เธอเซ็กซี่ ฉบับนางเอกลิเกตาคม อาจไม่ถูกจริตคนเมือง แต่เอาเป็นว่าเธอทำเงินได้นับล้านต่อวัน คนสวยแล้วรวยไม่แปลก แต่ ‘รวยมาก’ ระดับเธอ สวยอย่างเดียวไม่พอ ต้องเฮงด้วย และที่เราคิดว่ามีส่วนไม่มากก็น้อย แอน-จริยา มิตรชัย เป็นคนใจบุญ หลังจากนั่งคุยกัน บางทีเธออาจจะเป็นนักบุญสาวแห่งวงการบอลลีวูดก็เป็นได้
“รถยนต์ทั้งคันแอนก็เคยได้นะ...แหวนเพชรแหวนทองนี่ได้มาเป็นกระป๋อง” ผมเป็นลอนสยายยาว ผิวสีน้ำผึ้ง ตาคมมีเสน่ห์อย่างลึกลับ ‘แอน มิตรชัย’ พูดถึง ‘สินน้ำใจ’ ที่เธอได้รับจากการแสดงลิเกเหมือนเป็นเรื่องแสนจะธรรมดา แอนเป็นน้องสาวแท้ๆ ของพระเอกลิเกซูเปอร์สตาร์ ‘ไชยา มิตรชัย’ เธอจึงเริ่มเล่นลิเกมาตั้งแต่อายุได้เพียงห้าขวบ
ปัจจุบันแอน มิตรชัย อายุ 29 ปี เป็นดาวลิเกฝั่งหญิง แต่หยุดเล่นลิเกไปถึง 3 ปีแล้ว เพราะไปดังไกลถึงวงการภาพยนตร์แห่งบอมเบย์ หรือที่เราเรียกกันว่าบอลลีวูด เธอได้แสดงภาพยนตร์ประกบคู่กับ ‘ราจีฟ คันเทลวัล’ ซูเปอร์สตาร์ ระดับแถวหน้าของบอลลีวูด นอกจากนี้ยังเพิ่งเปิดตัวผลงานเพลงสากลอัลบั้ม Life My Life My Way ภายใต้สังกัดยูนิเวอร์แซล มิวสิก ประเทศอินเดีย ไปเมื่อไม่นานมานี้
นอกจากรถยนต์ทั้งคัน แหวนเพชรแหวนทองเต็มกระป๋อง ที่ได้เป็นเรื่องเป็นราวอีกก็คือ ‘เงินล้าน’ ในงานเปิดอัลบั้ม ซึ่ง “แม่ๆ เขารวมกันให้มา” เธอบอกว่าอย่างนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผู้ชมไทยในวงการลิเกที่จะตอบแทนดาราลิเกของพวกเขาด้วย ‘สินน้ำใจ’ ลองว่ารักเถอะ แม่ยก ‘ยก’ ให้ได้ทุกอย่าง ไชยา มิตรชัย พี่ชายของเธอยังเคยได้รถบัสมาแล้วทั้งคัน เวลาลิเกคณะเอและแอน มิตรชัย เล่นที่ต่างจังหวัดแต่ละครั้ง เงินสะพัดเป็นล้าน บางทีก็หลายล้าน ซึ่งเป็นเงินสดงดเชื่อแท้ๆ บรรดาแม่ๆ แฟนคลับของแอน ส่วนใหญ่ชมแอนแสดงลิเกตั้งแต่เธอยังเล็กและไม่มีลูกสาว จึงรู้สึกเอ็นดูเธอราวกับลูกแท้ๆ แล้วไม่มี ‘พ่อยก’ มาตามบ้างหรือ เราถาม “ก็มีเหมือนกัน แต่ในที่นี้คือมากันทั้งครอบครัว”
“ไม่ได้มาเป็นอาเสี่ย?”
“ถามว่ามีเข้ามาแบบนั้นไหม ก็มีบ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวมากกว่า ภรรยาไปคล้องรางวัลพี่เอ ส่วนสามีก็มาคล้องให้แอน ส่วนใหญ่คนที่มาติดแอนก็จะเป็นคนรุ่นแม่รุ่นป้า จะมีบ้างเหมือนกันที่เป็นเด็กเล็ก หนุ่ม สาว ตุ๊ด เกย์ มีหมดนั่นแหละค่ะ”
เมื่อถามถึงคำจำกัดความของลิเก ว่ามีความหมายต่อชีวิตของแอน มิตรชัย อย่างไร เธอกล่าวว่า ลิเกสำหรับเธอแล้วน่าจะเปรียบเหมือนอ้อมอกของแม่ เพราะลิเกให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่เธอ ลิเกให้เธอได้เรียนรู้ชีวิตทั้งด้านมืดและสว่าง ให้ทั้งความรู้ ทำให้เธอรู้จักคุณค่าในตนเอง ส่วนไชยา มิตรชัย พี่ชายเคยให้คำจำกัดความไว้อย่างน่าสนใจว่า “ลิเกนั้นเป็นทั้งชีวิตและการโกหก แต่ในการโกหกนั้นเราจะสุกเอาเผากินไม่ได้”
ลิเกคณะไชยา-แอน มิตรชัย เติบโตจากลิเกเด็กกำพร้าวัดสระแก้ว ซึ่งมีไชยาพี่ชายผู้มีอายุมากกว่าเธอสิบปี เป็นดารานำ ลิเกคณะดังกล่าวหาเงินเลี้ยงเด็กกำพร้านับพันให้วัดสระแก้วอยู่นานหลายปี ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นคณะไชยา-แอน มิตรชัย ซึ่งในขณะที่แอนรับช่วงบริหารต่อจากคุณพ่อ คณะลิเกของเธอมีสมาชิกทั้งที่เป็นนักแสดง นักดนตรี และทีมงานเบื้องหลังอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 300 คน นอกจากเป็นนางเอกลิเกแล้ว แอนยังต้องปรับรูปแบบการแสดงลิเกให้ร่วมสมัยมากขึ้น พร้อมคุมบังเหียนควบหน้าที่หัวหน้าคณะ คอยบริหารและนำสิ่งใหม่ๆ เข้ามาปรับใช้กับคณะ เพื่อให้ลิเกยังอยู่ได้ในโลกสมัยใหม่
อย่างหนึ่งที่คนทั่วไปอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับแอน มิตรชัย คือเธอไม่ใช่คนไร้ปริญญา เธอจบปริญญาตรีด้านรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง และปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยศรีปทุม “ทีแรกคนดูแลคณะคือคุณพ่อ แอนเป็นคนรับช่วงต่อ เพราะพี่เอเขายุ่งกับงานอย่างอื่น และที่เลือกเรียนบริหารฯ ก็เพราะเราจะได้เอาไปปรับใช้กับคณะลิเก”
This Way to Bollywood
เมื่อประมาณสามปีที่แล้ว แอน มิตรชัย หายหน้าไปจากเวทีลิเก เพราะได้รับโอกาสอย่างไม่คาดฝัน เธอจึงต้องตัดสินใจผลัดไม้ต่อให้น้องชาย (มิตร มิตรชัย น้องชายคนสุดท้องของครอบครัวมิตรชัย อายุห่างจากแอนถึงสิบปี) ทำหน้าที่บริหารงานในคณะฯ แทน เริ่มแรกเธอตั้งใจจะทำเพลงร่วมกับ ‘เอ็ดดี้ ที. แอลวิล’ โปรดิวเซอร์ชาวอินเดีย แต่ก็ด้วยความบังเอิญอีกเช่นกัน แอนได้รับบทในภาพยนตร์เรื่อง Ishq Actually (2013) ประกบคู่กับพระเอกหนุ่มชื่อก้อง ราจีฟ คันเทลวัล โดยแอนต้องแสดงเป็นสองคาแรกเตอร์ภายในเรื่องเดียว คือนักร้องเพลงซูเปอร์สตาร์ผู้มีความมั่นใจ และบทสาวอินเดียตามขนบ ประเพณีผู้มีรักแท้ เรื่องนี้ต้องใช้ความสามารถทางการแสดงค่อนข้างสูง ช่วงเวลาก่อนที่จะเปิดกล้อง เธอทุ่มเทเวลาทุกวันในการเรียนสองภาษาคือ ฮินดีและอูรดู รวมถึงเรียนแต้น และเรียนการแสดงเพิ่มเติมด้วย
แต่เราว่าเป็นเรื่องน่าเศร้า ผลงานเปิดตัวเรื่องแรกจากแดนภารตะของดาราลิเกไทย กลับไม่ได้รับเสียงชื่นชมจากคนไทย เพราะมิวสิกวิดีโอเพลง “Lucky Tonight” เพลงประกอบภาพยนตร์ Ishq Actually มีภาพที่ดาวลิเกคนไทยนุ่งบิกินี่โยกย้ายส่ายสะโพกเต้นรำไปมา “ไปเล่นหนังอินเดียก็คงผัวละมั้งที่ทำหนังให้เล่น ผัวเป็นฝรั่งร่ำรวยล้นฟ้า คงบันดาลให้ได้ทุกอย่าง ตอแ-ลบอกว่าไม่ได้ทำศัลยกรรม ไม่ได้ทำอะไรเลย??? หน้าด้านมาพูดว่าสืบสานวัฒนธรรม ทำเป็นสร้างภาพ เห็นใส่บิกินี่ยืนโยกหน้าไม่อาย โกหก ตอแห- E ลิเก" – เธอเล่าถึงส่วนหนึ่งของคอมเมนต์จาก Instagram ของแอน ซึ่งทำให้เธอของขึ้นและ ‘จัดหนัก’ ตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวจนกลายเป็นข่าวอยู่พักหนึ่ง
“แอนไม่ได้เป็นคนคิดเองอยู่แล้วว่าเราจะต้องออกมาแต่งบิกินี่ เพราะไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนเซ็กซี่ แต่เป็นไอเดียของทีมงาน 10 คนซึ่งนั่งประชุมกันอยู่และเป็นผู้ชายทั้งนั้น ที่พยายามบอกว่าแอนถ่ายได้ ทีแรกแอนก็ตกใจ แต่เราก็เห็นว่ามันเป็นงาน แล้วยิ่งพอรู้ว่าคนที่กำกับเอ็มวีเพลงนี้ก็คือ ชาบิน่า ข่าน ซึ่งเป็นผู้กำกับมือทอง เคยทำงานร่วมกับศิลปินเบอร์ใหญ่ของบอลลีวูดมาแล้วทั้งนั้น ทั้งอมิตาภ พัจจัน, ซัลมาน ข่าน, ชาห์ รุค ข่าน ฯลฯ เราก็ชื่นชมผลงานของเขาอยู่แล้ว และคิดว่าเขาคงทำออกมาให้เราดูแพง ไม่ดูอนาจาร เลยตอบตกลง แล้วมิวสิกวิดีโอเพลงนั้นก็เป็นเพียงภาพเซ็กซี่ของแอนเพียงชิ้นเดียว ในหนังก็ไม่มีฉากไหนที่โป๊ขนาดนั้น”
แอนพยายามอธิบายให้เห็นถึงภาพของเธอในฐานะนักแสดงที่แตกต่างจากดาราทั่วไปของหนังบอลลีวูด ซึ่งแม้จะมีภาพของการร้องเพลง เต้นรำ วิ่งหลบ เกาะต้นไม้ ให้เราเห็นจนชินตา แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการลิปซิงค์เสียงร้องโดยนักร้องมืออาชีพกันแทบทั้งนั้น แต่นักแสดงสาวจากเมืองไทยคนนี้กลับสามารถทั้งแสดงบทบาท เต้น และร้องเพลงด้วยตนเองได้ครบหมด กลายเป็นจุดขายที่สร้างความแตกต่างให้กับเธอในบอลลีวูด และไม่ว่าจะได้รับเสียงวิจารณ์อย่างไรก็ตามที่เมืองไทย แต่เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Ishq Actually ก็ติดอันดับความนิยมในชาร์ตเพลงอินเดียนานหลายสัปดาห์ รวมถึงได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนหนังชาวอินเดีย
เราตัดสินใจถามถึงสิ่งที่บางคนอาจจะยังรู้สึกค้างคา
“หลายคนไม่เชื่อว่าคุณได้ค่าตัวสูงขนาดที่เป็นข่าว” และนี่คือคำตอบของเธอแบบไม่ตัดทอน “ก็แล้วแต่คนจะมองนะคะ แต่ถ้าเราศึกษางานของบอลลีวูดจริงๆ ค่าตัวที่แอนบอกไปไม่ได้สูงอะไรเลย หากมองจากจำนวนประชากรของอินเดียประมาณ 2 พันกว่าล้านคน เทียบกับจำนวนประชากรของประเทศไทยแล้วต่างกันมากเลยนะคะ”
“ค่าตัวจากหนัง 30 ล้าน นี่คือบาทหรือรูปี”
“บาทค่ะ แต่ต้องทำความเข้าใจก่อนนะคะ ว่าแอนทำงาน 2 สาย คือทั้งเพลงและหนัง ส่วนหนึ่งคือแอนไม่ได้เซ็นสัญญากับทางอินเดีย แต่ทำสัญญากับ Aris (Aris Pioneer Enterprises Company Ltd) ซึ่งเป็นบริษัทของทางยุโรป เขาจะเข้ามาดูแลแอนในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกินอยู่ของแอนที่อินเดีย รวมไปถึงค่าตัวและผลประโยชน์ที่เกี่ยวกับการทำงานในโปรเจ็กต์ต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นงานหนังหรืองานเพลง บริษัทเป็นคนดีลหมด เพราะฉะนั้นค่าตัวที่ได้มาส่วนหนึ่งก็ต้องแบ่งให้กับบริษัท"
“เมื่อข่าวออกมาอย่างนั้น คนไทยอาจจะรู้สึกว่ามันสูงมาก แต่อย่างคารีน่า คาปูร์ ถ่ายโฆษณาตัวหนึ่งก็ได้ตั้ง 50 ล้านบาท คิดเป็นเงินรูปีก็เกือบร้อยล้านรูปีแล้ว โชคดีที่แอนได้เล่นประกบคู่กับคุณราจีฟซึ่งเป็นพระเอกแถวหน้า ทางบริษัทจึงยื่นเงื่อนไขว่าค่าตัวของเราควรจะเป็นเท่าไหร่ จนได้ตัวเลขนั้นมา”
Handing the Groupies
“จริงๆ คนที่เข้ามาจีบน่ะมีตลอด มีตั้งแต่เด็กเลย” แอนเล่าแบบไม่ตื่นเต้น เธอพยายามทวนความจำว่าคนแรกที่จีบเธอคือใคร “ลูกน้องในคณะนี่แหละ เขียนจดหมายรักมาให้ แต่กว่าจะมาถึงมือแอนก็ถูกคุณพ่อจับได้ตลอด เพื่อนที่โรงเรียนก็มีนะ คนที่มาดูลิเกก็ด้วย แต่เขาจะเข้ามาไม่ถึงตัวเรา จำได้ว่าตอนนั้นแอนอายุประมาณ 14-15 ปี เพิ่งออกเพลง ‘หงษ์ฟ้า’ เวลาไปเล่นลิเกที่ต่างจังหวัดมอเตอร์ไซค์จอดกันแน่นเลย” เธอเน้นคำว่า ‘แน่น’ ให้รู้ว่าแน่นจริงแน่นจัง “เด็กวัยรุ่นทั้งนั้นเลย ขอโทษนะคะ...คนที่มาดูลิเกไชยากับแอน ไม่ได้มีเฉพาะคนแก่ถือตะกร้าหมากเท่านั้นนะคะ เด็กหนุ่มๆ แก๊งมอเตอร์ไซค์ยกโขยงกันมาจะจีบนางลิเกกันทั้งนั้น...แต่โดยกะเทยซิวไปหมดเลย (หัวเราะ)
“ก็พ่อกับพี่เอหวงมากไงคะ เวลาอยู่หลังเวที ให้พวกผู้หญิงนั่งข้างใน แล้วให้กะเทยล้อมรอบ พอพวกผู้ชายจะเข้ามาก็ต้องผ่านพวกนั้นก่อน กะเทยก็ซิวไปเลย” แอนระเบิดเสียงหัวเราะ เสน่ห์อย่างหนึ่งของเธอน่าจะเป็นเสียงหัวเราะที่ชวนให้คนฟังสนุกไปด้วย ว่าแต่ในเมื่อคุณพ่อเธอช่างโหด “ตอนไปทำงานที่อินเดีย หนุ่มอินเดียมาจีบไหม คราวนี้ไม่มีคุณพ่อคอยคุมแล้วนี่”
"จะเอากี่คนล่ะคะ...มาเป็นขบวนเลย (ยิ้ม) เพราะผู้ชายอินเดียเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม ชอบคุยกับผู้หญิงสวยๆ เราก็คุยเป็นเพื่อนหมด พอบอกเขาอย่างนั้น บางคนก็บอกว่าฉันไม่ได้คิดกับยูแบบเพื่อน นั่นก็เรื่องของเขา ส่วนหนึ่งคือแอนยังไม่อยากจะเปิดโอกาสตรงนี้ เพราะแอนเพิ่งก้าวเข้าไปวงการบอลลีวูด ยังมีอะไรหลายอย่างที่แอนยังอยากโฟกัส เพราะทุกวันนี้ทำงานเจ็ดวันยังน้อยไปสำหรับแอน จึงบอกทุกคนที่เข้ามาว่าเป็นแค่เพื่อน”
ฟังดูคล้ายกับว่าแอนจะรู้วิธีที่จะจัดการกับผู้ชายดีเพราะมีหนุ่มๆ เข้าหาตลอดเวลา แต่ก็มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เธอรับมือไม่ถูกเหมือนกัน “ตอนถ่ายหนังที่อินเดียนี่แหละค่ะ น่ากลัวมาก เขาเป็นนักแสดงคนหนึ่งซึ่งเข้ามาจีบแอนแบบพุ่งชนมาก ทำไมเธอไม่ชอบฉัน...ฉันหล่อนะ เวลาเราขึ้นห้องพักที่โรงแรมก็ไปสืบหาเบอร์ห้องและโทร.หา พอแอนไม่รับสาย เขาก็มายืนดักรอแอน ตอนจะออกจากห้องไปทานอาหารเช้า แล้วดึงตัวเข้าไปถามว่าทำไมยูไม่คุยกับฉัน...ทำไมยูไม่รับโทรศัพท์ฉัน แอนวิ่งหนีแทบไม่ทัน น่ากลัวมากๆ”
เราพูดคุยถึงทัศนคติเกี่ยวกับผู้ชายของแอนอีกหลายคำถาม แอนไม่ใช่คนไม่ประสีประสาในเรื่องผู้ชาย เธอเคยมีความสัมพันธ์ฉันคู่รักกับชายหนุ่มมาบ้าง แต่ด้วยงานหนักในฐานะลิเกเงินล้าน และความฝันที่จะเป็นดาวรุ่งในบอลลีวูด หากมีความรักเสียตอนนี้ ก็อาจจะเป็นอุปสรรคสำคัญที่ฉุดรั้งเธอไว้ “ดังนั้นหากจะมีแฟนสักคน แอนก็อยากจะให้เขาเป็นคนที่สุภาพ มีความเป็นผู้ใหญ่ คุยแล้วเข้าใจในหน้าที่การงานของเรา สำหรับผู้ชายดีๆ สักคนแอนว่าก็เหมือนกับ ‘เทพ’ นะ ไม่รู้ว่าเพราะอยู่อินเดียมานานหรือเปล่าจึงคิดแบบนั้น (หัวเราะ) แต่ถ้าผู้ชายคนหนึ่งเป็นแฟนที่ดี วันหนึ่งเขาก็คงจะเป็นพ่อที่ดี คอยสอนลูกให้เดินไปในหนทางที่ดีเหมือนกับพ่อของแอน เปรียบเหมือนกับเทพสำหรับลูกและภรรยา ซึ่งแอนก็ไม่ปฏิเสธที่จะมีความรักหรือแต่งงานนะ หากวันหนึ่งเจอคนที่ใช่และอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพียงแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”
“แล้วความฝันของคุณตอนนี้ยังมีอะไรอยู่บ้าง” เราถาม
“ในสายบันเทิงแอนก็ทำมาครบหมดแล้ว เรื่องที่เป็นความฝันอันสูงสุดจริงๆ คืออยากจะมี World Tour Concert ไปพบปะแฟนๆ แล้วก็ได้ไปช่วยเหลือเด็กยากจนทั่วโลกพร้อมกันด้วย เพราะแอนโตมาจากลิเกเด็กกำพร้าวัดสระแก้ว มีครั้งหนึ่งที่แอนได้มีโอกาสได้ไปช่วยเหลือเลี้ยงอาหารให้กับคนจนและเด็กๆ ที่อินเดีย เชื่อไหมคะว่าเขาสวดมนต์ให้เราเสียงก้องไปทั่วทั้งลุ่มแม่น้ำคงคาเลย...
“ชีวิตแอนเปลี่ยนไปเพราะโมเมนต์นั้น มันเป็นช่วงเวลาที่แอนรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เรามีโอกาสได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น อย่างเด็กไทยกำพร้ายากจนแค่ไหนก็ยังพอจะมีที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ แต่ที่อินเดียมีเรื่องของวรรณะจัณฑาลเข้ามาเกี่ยวด้วย จึงทำให้เด็กยากจนขาดคนดูแล ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ต้องนอนกับดินกินกับทราย การที่แอนได้มีโอกาสช่วยเหลือ ทำให้รู้ว่าเงินเพียงไม่เท่าไหร่ ก็สามารถช่วยเด็กพวกนี้ให้มีความสุขและอิ่มท้องได้ ทุกครั้งที่แอนรู้สึกเหนื่อยหรือท้อ แอนจะนึกถึงเหตุการณ์นั้น และบอกกับตัวเองว่าเราจะเหนื่อยไม่ได้ เพราะยังมีอีกหลายคนในโลกที่ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะมีโอกาสได้กินข้าวหรือเปล่า การที่รู้ตัวว่าเราอยู่ในฐานะที่จะช่วยเหลือได้ จะทำให้แอนมีพลังกลับมาแทบจะทุกครั้ง”
ใครจะไปรู้ บางทีเธออาจจะเป็นใครคนนั้นก็ได้... ลิเกแม่พระแห่งบอลลีวูด
ที่มา นิตยสารจีคิว ไทยแลนด์
----------------------------------------
ที่มา:http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1437659297