
“ประยุทธ์” ยันไม่ก๊อบปี้ศูนย์ปราบโกง นปช. ชี้แค่ชื่อก็คนละแนวแล้ว ลั่นทำขึ้นมาเพื่อไม่ให้เกิดเหตุทะเลาะหรือตีกัน “วิษณุ” เชื่ออาจมีการข่าวทำให้ต้องผุด ยันมีกฎหมายรองรับ “กรธ.-กกต.” พาเหรดหนุน “มีชัย” รับยังติดขัดเรื่องเอกสารไม่ทั่วถึง อึ้ง! ไอลอว์อ้างผลโพลไม่ถึง 200 คนบอก 90% ยังไม่รู้จักคำถามพ่วง สปท.ระอุรุมจวกอลงกรณ์ออฟไซด์ สุดท้าย “ทินพันธุ์” ขอรับผิดชอบคนเดียว
เมื่อวันจันทร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยทั่วประเทศเพื่อสนับสนุนการลงประชามติในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ว่า การตั้งศูนย์ไม่ได้มีอะไรเป็นสิ่งบอกเหตุ แต่ที่ตั้งเพราะพูดกันวุ่นทุกวัน และเพื่อให้เกิดความชัดเจน ซึ่งการตั้งศูนย์เป็นเรื่องของ คสช.ที่พิจารณากัน เป็นเรื่องการเฝ้าดูเฝ้าระวัง เพราะการจัดตั้งลักษณะนี้ประชาชนไม่ต้องมาจัดตั้งเปิดเผย อยากจะตรวจสอบก็ไปตรวจสอบได้ทุกที่อยู่แล้ว แต่มาจัดตั้งประกาศตัวมีที่ไหนเขาทำได้ ยิ่งสถานการณ์นี้ยิ่งไม่ได้ ก็คอยดูแล้วกัน ซึ่งศูนย์นี้ก็จะคอยดูไม่ให้เกิดความไม่เป็นธรรม
เมื่อถามว่า ศูนย์นี้มีอำนาจชี้ถูกชี้ผิดด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จะไปชี้ถูกชี้ผิดได้อย่างไร ก็ติดคุกสิ สื่อคิดว่า คสช.จะตั้งเพื่อไปโหวตเยสโหวตโนหรือ จะไปตัดสินอะไร ก็ไปเฝ้าระวังการโกงการทุจริตตามที่เขาต้องการ ใครอยากมาร่วมด้วยก็มาร่วมตรงนี้ ทำไมต้องไปตั้งขึ้นมาแข่งกับรัฐ โดยการบริหารราชการแผ่นดินเป็นหน้าที่ของรัฐ ซึ่งศูนย์นี้จะมีเจ้าหน้าที่มาอยู่ใกล้ๆ คูหาไม่กี่คน และไม่เข้าไปอยู่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายเดิม
ถามต่อว่า มีพื้นที่ใดต้องจับตาเป็นพิเศษ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี ไม่จับตา ดูแลทุกจังหวัด เพราะต้องทำประชามติทุกจังหวัดทั่วประเทศ ไม่ให้มีเรื่อง ไม่ให้ทะเลาะหรือตีกัน เดี๋ยวถึงเวลาเลือกตั้งจะตีกันอีกหรือเปล่า ถ้าตีกันอีกก็ตั้งอีก ส่วนที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระบุว่าเป็นการเลียนแบบนั้น ช่างเขา ไม่ฟัง และไม่ได้เลียนแบบ ชื่อก็คนละชื่อแล้ว เมื่ออยากมีก็ตั้งให้ จริงๆ แล้วเขาไม่วุ่นวาย ถ้าสื่อไม่ไปขยายความให้คนเหล่านี้ สื่อก็รู้ความมุ่งหมายของเขาอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ด้านการข่าวพบว่าตอนนี้มีการเคลื่อนไหวล้มประชามติในพื้นที่ใดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่บอก ไม่รู้ เขายังไม่รายงาน
เมื่อถามว่า ด้านการข่าวพบว่าตอนนี้มีการเคลื่อนไหวล้มประชามติในพื้นที่ใดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่บอก ไม่รู้ เขายังไม่รายงาน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวเรื่องนี้ว่า ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจในพื้นที่ร่วมกันดูแล ซึ่งยังไม่มีปัญหาอะไร แต่ต้องดูแลทุกอย่างให้เกิดความเรียบร้อยโดยบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพราะรัฐบาลต้องการให้เกิดความสงบเรียบร้อยทุกพื้นที่
เมื่อถามว่า ทหารจำเป็นต้องไปอยู่ที่คูหาในวันลงประชามติด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่จำเป็น ซึ่งเราต้องดูความเหมาะสม โดยผู้ว่าฯ จะเป็นผู้พิจารณา ส่วนพื้นที่ล่อแหลมว่าจะเกิดความรุนแรงนั้นก็ต้องจับตาดู แต่คิดว่าคงไม่เกิดเหตุรุนแรง และไม่เหมือนกับศูนย์ปราบโกงของ นปช. เพราะอันนั้นเขาตั้งเองแบบคิดเองเออเอง
ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทยระบุว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐออกไปรับปากชาวบ้านว่า ถ้าลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญจะให้เงินช่วยเหลือโดยเฉพาะชาวนา พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มี ที่เจ้าหน้าที่ไปให้เงินนั้นไม่เกี่ยวกัน และเขาให้ไปก่อนหน้านั้นแล้ว เป็นคนละส่วนกัน แต่ถ้ามีใครไปแอบอ้างแบบนี้ถือว่ามีความผิดและต้องถูกจับกุม
ไม่รู้เรื่องเซตซีโร
พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงกรณีนักการเมืองระบุถึงเรื่องเซตซีโรด้วยว่า ไม่ทราบว่าไปเอามาจากไหน เขาคงพูดเองเออเอง คสช.ยังไม่เคยคิดและยังตอบไม่ได้ เพราะเวลานี้ต้องทำให้การลงประชามติเกิดความเรียบร้อย
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบรายละเอียดของศูนย์ เพราะเป็นแนวคิดของฝ่ายความมั่นคง ซึ่งศูนย์ไม่ได้มีเพื่อจับผิดหรือปราบโกง แต่เป็นหน้าที่ของรัฐในการดูแลรักษาความสงบ และเขาคงมีข่าวอะไรมาว่าอาจมีความไม่สงบขึ้นมาแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะตามกฎหมายประชามติกำหนดให้รัฐต้องดูแลความเรียบร้อย จึงจำเป็นต้องตั้งศูนย์ขึ้นโดยมีกฎหมายรองรับ ทั้งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ซึ่งศูนย์นี้ไม่ได้ปิดกั้นหรือปราบปรามคนเห็นต่าง ถ้าไปทำอย่างนั้นเจ้าหน้าที่จะผิดกฎหมายประชามติเสียเอง
“ถือเป็นการสร้างข่าวเท็จ แต่จะมีจริงหรือไม่คงต้องตรวจสอบกัน หากมีจริงถือว่ามีความผิด ตอนนี้ ครู ก. ข. ค.มีจำนวนมาก อาจเป็นไปได้ว่ามีคนแทรกซึมเข้ามา แล้วไปพูดหรือกลอนพาไปถือเป็นความผิด” นายวิษณุกล่าวถึงกระแสในบางพื้นที่มีการให้เงินชาวบ้านหากรับร่างรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามถึงกรณีนายกฯ มีแนวคิดเชิญกลุ่มนักการเมืองเข้าร่วมพูดคุยเพื่อหาทางออกให้ประเทศ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่เคยได้ยินนายกฯ พูดเรื่องนี้มาปีกว่าแล้ว แต่ไม่มีใครติดใจอะไร เพราะอยู่ช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน
พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษก คสช.กล่าวยืนยันว่า การตั้งศูนย์รักษาความสงบเพื่อดูแลการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะไม่ซ้ำซ้อนกับการดูแลรักษาความสงบของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ของ คสช. เนื่องจากเป็นงานที่กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการไปยังผู้ว่าฯ ผ่านศูนย์ดำรงธรรมให้ดูแล
"เป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย โดยประสานกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยจะติดตาม รายงานผล อำนวยความสะดวกการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ หลังวันที่ 7 ส.ค.แล้วศูนย์ก็จะหมดหน้าที่ไป” พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวและว่า การดำเนินการกลุ่มนักศึกษาที่เคลื่อนไหวนั้น ยืนยัน คสช.ดำเนินการกับทุกกลุ่มที่เคลื่อนไหว ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีอะไรบ่งชี้ว่าจะเกิดความรุนแรง ทุกอย่างมีความเรียบร้อย
ขณะที่นายประวิช รัตนเพียร กกต.กล่าวว่า การจัดตั้งศูนย์ของรัฐบาลเพื่อดูแลความเรียบร้อยเพื่อให้การทำประชามติเดินหน้าไปได้ ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมาย กกต.จึงไม่ขัดข้องใดๆ
กรธ.อวยผลดี
ด้านนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แสดงความเห็นว่า ที่เขาตั้งศูนย์ขึ้นมากลัวคนจะไปทำอะไรที่ไม่ดี ทำให้คนเข้าใจผิด และหากช่วยดูไม่ให้ใครไปบิดเบือนได้ก็จะเป็นผลดีต่อ กรธ. และถ้ามีใครไปบอกในลักษณะที่บิดเบือน ไม่ถูกต้อง เชื่อว่าคนที่เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์จะรู้ความจริงว่าอะไรที่บิดเบือน สามารถตัดสินใจได้ว่าโกหกหรือไม่
นายนรชิต สิงหเสนี โฆษก กรธ.กล่าวถึงการเข้าพบนายยานอีไล เซน รองเลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ว่า เป็นการชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในไทยรวมถึงการลงประชามติ ซึ่งรองเลขาฯ ยูเอ็นย้ำกับเราว่า ต้องการให้กระบวนการลงประชามติมีการแสดงความเห็นได้อย่างเสรีและมีส่วนร่วม ส่วนรายละเอียดของระเบียบต่างๆ ก็แล้วแต่ กกต. ซึ่งยูเอ็นไม่ได้แทรกแซงอะไร ส่วนจะมาสังเกตการณ์ในวันที่ 7 ส.ค.หรือไม่ เราบอกไปว่าที่ผ่านมาแม้แต่การเลือกตั้งทั่วไป รัฐบาลไทยก็ไม่ได้เชิญใครมาสังเกตการณ์ ครั้งนี้เป็นเพียงการทำประชามติไม่ใช่การเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเรื่องภายใน แต่หากยูเอ็นจะมาเราก็พร้อมให้การต้อนรับ แต่รองเลขาฯ ยูเอ็นก็ไม่ได้พูดเรื่องส่งผู้แทนมา
นายนรชิตยังกล่าวถึงเอกสารร่างรัฐธรรมนูญ และแผ่นพับประชาสัมพันธ์ที่จัดส่งล่าช้าและไม่สมบูรณ์ว่า กรธ.ได้ประสานกับ กกต.ที่รับผิดชอบ โดย กกต.จะเร่งแก้ไข ส่วนการส่งไปยังเจ้าบ้านนั้น จะดำเนินการจัดส่งถึงเจ้าบ้าน 15 วัน ก่อนวันลงประชามติ 7 ส.ค.นี้แน่นอน
นายมีชัยกล่าวเช่นกันว่า ในบางพื้นที่ยังพบปัญหาอุปสรรคเรื่องเอกสาร ซึ่งกำลังหารือกันว่าจะไปเร่งรัด กกต.ได้อย่างไร เพราะมีเอกสารไปกองอยู่ที่จังหวัด อำเภอ และตำบล ซึ่งต้องประสานผู้รับผิดชอบแก้ไขเรื่องนี้ ส่วนกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย มองว่าร่างรัฐธรรมนูญตอบสนองความต้องการของ กปปส.นั้น เป็นเพราะเราเขียนจากปัญหาสากล เช่นเรื่องความเหลื่อมล้ำ การทุจริต ซึ่งบังเอิญอาจจะเหมือนกันได้
นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการ กกต.ด้านบริหารกลาง ยอมรับว่ามีข้อผิดพลาดจริง แต่เป็นเพียงการสลับหน้าเท่านั้น และยืนยันว่าไม่มีความผิดพลาดในเนื้อหาของร่าง โดยเล่มที่พบข้อผิดพลาดมีอยู่ไม่เกิน 100 เล่มที่อยู่ในการพิมพ์ชุดแรก ซึ่งโรงพิมพ์แก้ไขแล้ว
กกต.จัดบิ๊กเดย์ 4 ส.ค.
ส่วนที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ สำนักงาน กกต.ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จัดประชุมมอบนโยบายและการชี้แจงแนวทางการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์การออกเสียงประชามติ โดยมีผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมกว่า 1,200 คน โดยนายประวิชกล่าวว่า เป็นการซักซ้อมความเข้าใจช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันออกเสียงประชามติในวันที่ 7 ส.ค. ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 34 วัน โดย กกต.และเครือข่ายต่างๆ จะเดินหน้าเคาะประตูบ้านและชี้แจงให้ประชาชนได้เข้าใจ และเห็นความสำคัญของการออกมาใช้สิทธิ์ออกเสียง และในวันที่ 4 ส.ค. กกต.จะจัดกิจกรรมบิ๊กเดย์พร้อมกันหลายจังหวัด เพื่อรณรงค์และกระตุ้นให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ออกเสียงอีกครั้งหนึ่ง
ในขณะที่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หลักสี่ นายสิริพงษ์ พงษ์พานิช ผู้อำนวยการสำนักบริหารทั่วไป สำนักงาน กกต. และนายสมชาย นันตา ผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าธุรกิจ บริษัท ไปรษณีย์ไทยฯ นำเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนดูการตรวจรับและการจัดส่งจุลสารสรุปย่อสาระสำคัญการออกเสียงประชามติ หรือบุ๊กเล็ตเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชน ซึ่งการจัดส่งในครั้งนี้เป็นชุดที่ 3 จำนวน 5 ล้านฉบับ
วันเดียวกัน นายจอน อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) ได้เผยผลสำรวจเกี่ยวกับความรับรู้เบื้องต้นของประชาชนเกี่ยวกับการทำประชามติตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. - 1 ก.ค.จากผู้ตอบแบบสำรวจ 158 ตัวอย่าง พบว่า 70.25% ไม่ทราบวันที่ลงประชามติอย่างถูกต้อง 50% ไม่ทราบว่าลงประชามติเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ และ 92.41% ไม่ทราบว่าคำถามพ่วงคืออะไร
“น่าตกใจมากคือผู้ที่เราสำรวจกว่า 90% ยังไม่ทราบเลยเรื่องประเด็นคำถามพ่วง ซึ่งหากการขาดการรับรู้เช่นนี้ในวันออกเสียงประชามติ จะเป็นตัวชี้วัดที่แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังขาดข้อมูลเพียงพอที่จะตอบคำถามประชามติได้อย่างเข้าใจประเด็น เรื่องนี้เราอาจต้องตั้งคำถามว่า หากประชาชนถูกปิดกั้นไม่ให้เข้าถึงข้อมูลแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยเฉพาะหรือไม่” นายจอนกล่าว
ด้านนายประวิชกล่าวถึงโพลนี้ว่า ยังมั่นใจในสื่อบุคคลของ กกต.ที่กำลังเร่งดำเนินการรณรงค์และประชาสัมพันธ์ ดังนั้นประเด็นนี้ไม่น่ากังวล แต่เหลือเพียงอย่างเดียวคือ ทำเช่นไรให้ประชาชนได้ออกมาใช้สิทธิ์ออกเสียงอย่างมีคุณภาพโดยไม่มีข้อผิดพลาด
ทินพันธุ์ขอยอมรับผิด
ขณะที่รัฐสภาได้มีการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่มี ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท.ทำหน้าที่เป็นประธาน โดยก่อนเข้าวาระ พล.อ.ฐิติวัฒน์ กำลังเอก สมาชิก สปท.ได้ลุกขึ้นสอบถามว่า การไปพบพรรคการเมืองทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยของนายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท.คนที่ 1 นั้น เป็นมติของที่ประชุม สปท.หรือทำเพื่อผลประโยชน์เพื่อวัตถุประสงค์ใด และเป็นอำนาจหน้าที่ของ สปท.หรือไม่ โดยมีสมาชิกทั้งนายเสรี สุวรรณภานนท์ และนายวันชัย สอนศิริ อภิปรายตำหนิการทำงานของนายอลงกรณ์อย่างดุเดือด
ต่อมา ร.อ.ทินพันธุ์ได้ระบุว่า ขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียว และไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการทำงานของนายอลงกรณ์ เชื่อว่าทุกคนมีเจตนาดีต่อประเทศทั้งสิ้น ส่วนการปรับปรุงการทำงานหลังจากนี้คงต้องนำเรื่องต่างๆ เข้าไปหารือในวิป สปท.ให้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และจะไม่ตัดสินใจด้วยตัวเอง
“จะเอาผมไปสับเป็นชิ้นๆ ก็ได้ พร้อมรับผิดทุกอย่าง เมื่ออาสาเข้ามาทำกิจกรรมสาธารณะก็ต้องพร้อมยอมรับผิด พร้อมเข้าคุกเป็นคนแรกเสมอ และจะไม่ยอมให้ใครมาทำให้ สปท.มีสภาพเป็นเป็ดง่อย และต้องพา สปท.ทั้งหมดไปถึงฝั่งฝันให้ได้” ร.อ.ทินพันธุ์กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและมีน้ำตาคลอเบ้า
นายอลงกรณ์กล่าวว่า การทำงานของ สปท.เป็นไปด้วยความถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน หากมีความผิดพลาดหรือไม่เข้าใจในเรื่องต่างๆ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ซึ่งจากการเดินสายพบปะพรรคการเมืองก็เพื่อทำความเข้าใจว่า สปท.ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและไม่ฝักฝ่ายใด รวมถึงเรื่องการนำเสนอข่าว สปท.ไม่มีผลงานจนอาจจะถูกยุบด้วย ก็ต้องมีการชี้แจงและสร้างความเข้าใจเช่นกัน.
-----------
http://www.thaipost.net/?