วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2559
ถก 'จตุพร' เฉียดคุก มทบ.11
ถก 'จตุพร' เฉียดคุก มทบ.11 : โดย...ทีมข่าวสืบสวนสอบสวน
ทันทีที่ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จัดรายการที่ถ่ายทอดผ่านสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม พีซ ทีวี เสร็จเมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ก็มีนายทหารเข้าไปพบเพื่อพูดคุย และเชิญตัวจตุพรไปคุยต่อที่ค่ายทหาร
การเชิญตัว จตุพร ไปครั้งนี้ นับเป็นครั้ง 5 เพียงแต่สาเหตุที่ทำให้ต้องเชิญไปหนนี้ ไม่ได้เป็นเพราะจตุพรพูดเรื่องการเมือง หรือไปพาดพิงถึงทหารอย่างเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ที่ถูกเชิญตัวไปปรับทัศนคติ
นั่นเป็นเพราะจตุพรไปพูดถึงประเด็นร้อน คือ การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 20 ซึ่งสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ถูกเสนอชื่อให้ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช
แต่เรื่องราวทำท่าว่าจะยุ่งเหยิง เพราะมีการเคลื่อนไหวของพระที่พุทธมณฑล มีการเคลื่อนไหวของพระที่นำโดยหลวงปู่พุทธะอิสระ และมีการเคลื่อนไหวของฆราวาส ที่มีหลากหลายฝ่าย
รวมทั้งมีการเคลื่อนไหวของหน่วยงานรัฐอย่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่เข้าไปตรวจสอบรถเบนซ์โบราณ ที่มีชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง) เป็นผู้ครอบครอง
ในส่วนของ คสช.นั้น มองเห็นว่า จตุพร เป็นนักการเมือง เป็นแกนนำมวลชน การที่จตุพรไปพูดในเรื่องที่อ่อนไหวต่อมวลชน ย่อมไม่เป็นผลดีต่อการดูแลความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ
แต่หนนี้ก็ไม่ใช่หนแรกของจตุพร แล้วก็น่าเชื่อว่า น่าจะมีครั้งอื่นๆ อีก
มีข่าววงในว่า เรื่องนี้ คสช.ก็ได้หารือเช่นกันว่า จะปล่อยให้จตุพรพูดสิบครั้ง แล้วเชิญมาสิบครั้ง เป็นไปอย่างนี้หรือ หรือจะจัดการแก้ปัญหาด้วยการถอนประกัน!
สุดท้ายก็มีการเชิญตัวจตุพรพร้อมผู้ติดตาม 3-4 คน และถูกพามาที่กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ย่านดินแดง
“ดูเหมือนคุณจตุพรจะมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นคณะนายทหารที่เข้ามาพูดคุย” แหล่งข่าวเล่าถึงนาทีแรกที่จตุพรมาถึง
แต่เมื่อพูดคุยกันได้เพียงเล็กน้อยก็มีการเปลี่ยนสถานที่ และมีการแจ้งต่อจตุพรว่า ต้องไปกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) นั่นก็สร้างความตกใจให้แก่จตุพร ถึงกับหลุดปากมาว่า “จะย้ายผมไปไหน”
เป็นที่รู้กันว่า ที่ มทบ.11 นั้น ถูกใช้เป็น "เรือนจำชั่วคราว” คุมขังนักโทษสำคัญในคดี มาตรา 112 และนักโทษคดีระเบิดศาลท้าวมหาพรหม
แต่ที่ มทบ.11 นั้น มีทางเข้า 2 ประตู ประตูใหญ่จะตรงเข้าไปยังกองบัญชาการ ส่วนประตูข้างที่เรียกว่า ประตูอำนวยสงคราม ซึ่งทหารเลือกใช้ประตูนี้ ซึ่งมีป้ายติดไว้ชัดเจนว่า “เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี”
เมื่อมาถึงจุดที่เตรียมไว้ เจ้าหน้าที่ทหารได้แยกจตุพรออกมาส่งให้แพทย์ตรวจเช็กร่างกาย และให้เข้าไปนั่งในห้องพูดคุยกันเพียงคนเดียว โดยที่นั่นมีนายทหาร 4-5 นาย รออยู่แล้ว
คำถามที่ดูเหมือนจะเป็นการพูดคุยเสียมากกว่าประโยคหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ทหารเชื่อว่า จตุพร “เข้าใจ” ก็คือ ถ้าอยากให้มีการตั้งสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่ ก็ไม่ควรเอาการเมืองไปเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะจะยิ่งทำให้เกิดปัญหายุ่งยากเข้าไปอีก
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทหารเชิญตัวจตุพรมาก็เพราะต้องการขอความร่วมมือและพูดคุยทำความเข้าใจ เกี่ยวกับการให้ความเห็นต่อประเด็นต่างๆ ผ่านสื่อในช่วงนี้ เพราะการให้ความเห็นช่วงที่ผ่านมาในบางเรื่อง เป็นการไปขยายความเพิ่มระดับความขัดแย้งและชี้นำ ตลอดจนพาดพิงบุคคลและองค์กรอื่นๆ
พ.อ.วินธัย ยืนยันว่า เชิญมาและได้กลับบ้านเหมือนเคย
แต่เชื่อว่า ลึกๆ ความรู้สึกของการ “มา” ครั้งนี้ สำหรับจตุพรแล้วน่าจะ “ไม่เหมือนเคย”
----------------------
(ถก 'จตุพร' เฉียดคุก มทบ.11 : โดย...ทีมข่าวสืบสวนสอบสวน)